การทำวีดีโอ

ตัดต่อวีดีโอง่ายๆ ด้วย Windows Movie Maker

[IMG]

Download::คู่มือการตัดต่ออย่างละเอียด

หลายๆ ท่านคงไม่รู้ว่า Windows ของเราก็มีโปรแกรมตัดต่อวีดีโอด้วยเหมือนกัน แถมใช้งานง่ายกว่าโปรแกรมตัดต่อวีดีโอทั่วๆไปอีกตังหาก ถึงลูกเล่นจะไม่มากเท่ากับโปรแกรมตัดต่อวีดีโอตัวอื่นๆ ก็ตาม แต่ เมื่อเทียบกับขนาดของไฟล์ที่มีขนาดเล็ก ประสิทธิภาพ และการใช้งานที่ง่ายไม่ยุ่งยาก ก็ถือว่าเป็นโปรแกรมที่น่าใช้งานตัวนึงเลยทีเดียว 

โปรแกรมจะอยู่ที่ Start –> All Program –> Accessories –> Entertainment –> Windows Movie Maker

หากใครไม่มีก็สามารถไปดาวน์โหลดได้ที่นี่ Windows Movie Maker 2.0

การใช้โปรแกรม Windows Movie Maker

1. เข้าไปที่ Manu Start
2. เลือกไปที่ Program File
3. เลือกไปที่โปรแกรม Windows Movie Maker

[IMG]

เมื่อเข้าสู่โปรแกรม Windows Movie Maker จะปรากฏหน้าจอดังนี้

[IMG]

4. เลือกภาพที่ต้องการจะตัดต่อ โดยเลือกที่ Manu Import Pictures
5. เลือกไปยัง File ที่จัดเก็บรูปภาพไว้ ตัวอย่างเช่นเก็บรูปภาพที่ต้องการจะตัดต่อไว้ที่ไดร์ D ให้เลือก ไดร์ D ตรง Look in
6. จะปรากฏ File ต่างๆ ที่จัดเก็บไว้ไดร์ D
7. เลือก File รูปภาพที่ต้องการตัดต่อ
8. เลือก Import 

[IMG]

หลังจากที่เลือก Import จากข้อ 8 จะปรากฏรูปภาพที่เลือกบนหน้าจอดังนี้

[IMG]

9. จากนั้นให้เลือกภาพที่ต้องการตัดต่อมาว่างที่ Show storyboard โดยรูปภาพที่ต้องการตัดต่อนั้นให้วางตรงช่อง Video โดยการใช้เม้าล์คลิกแช่ไว้ตรงรูปภาพที่ต้องการแล้วลากมาตรงช่อง Video ตัวอย่างดังภาพต่อไปนี้ 

[IMG]

10. วิธีการเพิ่ม Video Effects ในภาพที่ต้องการตัดต่อ โดยการคลิกเม้าด้านซ้ายมือตรงภาพที่เลือกที่จะตัดต่อ จะมี Manu ปรากฎขึ้นให้เลือกจากนั้นให้เลือก Video Effects ดังภาพต่อไปนั้ 

[IMG]

11. หลังจากที่เลือก Video Effects บนหน้าจอจะโชว์ Effects ให้เลือก คลิกเลือก Effects ที่ต้องการ แล้วกด Add ตอบ OK ดังภาพต่อไปนี้ 

[IMG]

12. วิธีการใส่ Video Transitions ระหว่างภาพที่ต้องการตัดต่อ โดยการเลือกที่ Video Transitions บนหน้าจอ ดังนี้ 

[IMG]

13. จากนั้นหน้าจอจะปรากฎ Transitions ให้เลือก เลือก Transitions ที่ต้องการ ให้เม้าล์คลิกแช่ตรง Transitions ที่ต้องการแล้วลากไปวางระหว่างภาพที่จะตัดต่อ ดังภาพต่อไปนี้

[IMG]

14. การ Import audio or music (การลงเพลง) โดยการการเลือกไปที่ Manu Import audio or music จากนั้น เลือก ไดร์ที่จัดเก็บFile เพลง ตรง Lock In เลือก File เพลงที่ต้องการแล้วเลือก Import ดังภาพต่อไปนี้ 

[IMG]

หลังจาก Import audio or music แล้วจะปรากฎหน้าจอดังนี้

[IMG]

15. ใช้เม้าส์คลิกลากเพลงที่ต้องการมาวางตรงช่อง Audio Music ดังภาพต่อไปนี้ 

[IMG]

16. วิธีการแทรกข้อความบนภาพที่ต้องการตัดต่อโดยการ เลือกที่ Manu titles or cardits ดังนี้ 

[IMG]

จากนั้นหน้าจอจะปรากฏรูปแบบให้เลือก ให้เลือกรูปแบบตามที่ต้องการ เช่น เลือกรูปแบบ Title on the selected clip ดังนี้ 

[IMG]

จากนั้นพิมพ์ข้อความที่ต้องการแทรกลงบนภาพที่ต้องการตัดต่อ แล้วไปที่ Manu edit title text เลือกรูปแบบการโชว์ข้อความ ดังนี้ 

[IMG]

จากนั้นให้เลือกไปที่ Manu Change the text font and color เพื่อกำหนด แบบข้อความ / แบบตัวอักษร / ขนาดตัวอักษร / สีตัวอักษร ที่ต้องการแทรกลงในภาพที่ตัดต่อ 

[IMG]

 เป็นการเสร็จสิ้นการเพิ่มแบบอักษร

 

INTERNET

สารบัญ 
1. ประวัติความเป็นมา 
2. ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต (Internet Advantage)1. การติดต่อสื่อสาร (Communication)2. ความบันเทิง (Entertainment)3. ธุรกิจการพาณิชย์ (Commerce)4. การศึกษา (Education) 
3. เอกสารจาก Nectec เยอะมาก 
4. อินเทอร์เน็ต…เข้าใจง่าย 66 หน้า (PDF)
อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter และ net 
1. อินเทอร์ (Inter) คือ ระหว่าง หรือท่ามกลาง 
2. เน็ต (Net) คือ เครือข่าย (Network)


อินเทอร์เน็ต (Internet) 
คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย รวมเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งโลก 
คือ เครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย 
คือ การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย 
คือ เครือข่ายของเครือข่าย


ข้อมูลจากหนังสือดี 
+ Internet starter kit (Adam C.Engst | Corwin S. Low | Michael A. Simon) 
+ เปิดโลกอินนเทอร์เน็ต (สมนึก คีรีโต | สุรศักดิ์ สงวนพงษ์ | สมชาย นำประเสริฐชัย) 
+ User’s Basic Guide to the Internet (สำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) 
+ The ABCs of The Internet (Srisakdi Charmonman,Ph.D. …)

ใช้ข้อมูลจากเว็บหน้านี้ไปอบรมเรื่อง Internet คืออะไร ที่โรงเรียนบุญวาทย์ วิทยาลัย ลำปาง 
(หากมีสิ่งใดผิดพลาด หรือไม่ถูกต้อง ขอได้ชี้แนะมายังทีมงาน เราจะรีบตรวจสอบ และแก้ไขในทันที – E-Mail
 
ผังแสดงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet)
ผู้สนับสนุน ผู้สนับสนุน
รับผู้สนับสนุน

ประวัติความเป็นมา
อินเทอร์เน็ต คือ การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ตามโครงการของอาร์ป้าเน็ต (ARPAnet = Advanced Research Projects Agency Network) เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ (U.S.Department of Defense – DoD) ถูกก่อตั้งเมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมาค.ศ.1969(พ.ศ.2512) อาร์ป้าเน็ตได้รับทุนสนันสนุนจากหลายฝ่าย และเปลี่ยนชื่อเป็นดาป้าเน็ต (DARPANET = Defense Advanced Research Projects Agency Network) พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบาย และได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิดจาก 4 เครือข่ายเข้าหากันเป็นครั้งแรก คือ 1)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลองแองเจอลิส 2)สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด 3)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาบาร่า และ4)มหาวิทยาลัยยูทาห์ เครือข่ายทดลองประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีค.ศ.1975(พ.ศ.2518) จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งานจริง ซึ่งดาป้าเน็ตได้โอนหน้าที่รับผิดชอบให้แก่หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency – ปัจจุบันคือ Defense Informations Systems Agency) แต่ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหารเครือข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society) ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ในอินเทอร์เน็ต, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ใช้กับอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการทำงานโดยอาสาสมัครทั้งสิ้นค.ศ.1983(พ.ศ.2526) ดาป้าเน็ตตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ จึงเป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน เพราะ TCP/IP เป็นข้อกำหนดที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในโลกสื่อสารด้วยความเข้าใจบนมาตรฐานเดียวกันค.ศ.1980(พ.ศ.2523) ดาป้าเน็ตได้มอบหน้าที่รับผิดชอบการดูแลระบบอินเทอร์เน็ตให้มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation – NSF) ร่วมกับอีกหลายหน่วยงานค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เริ่มใช้การกำหนดโดเมนเนม (Domain Name) เป็นการสร้างฐานข้อมูลแบบกระจาย (Distribution Database) อยู่ในแต่ละเครือข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ช่วยจัดทำฐานข้อมูลของตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์เหมือนแต่ก่อน เช่น การเรียกเว็บไซต์ http://www.yonok.ac.th จะไปที่ตรวจสอบว่ามีชื่อนี้ในเครื่องบริการโดเมนเนมหรือไม่ ถ้ามีก็จะตอบกับมาเป็นหมายเลขไอพี ถ้าไม่มีก็จะค้นหาจากเครื่องบริการโดเมนเนมที่ทำหน้าที่แปลชื่ออื่น สำหรับชื่อที่ลงท้ายด้วย .th มีเครื่องบริการที่ thnic.co.th ซึ่งมีฐานข้อมูลของโดเมนเนมที่ลงท้ายด้วย th ทั้งหมดค.ศ.1991(พ.ศ.2534) ทิม เบอร์เนอร์ส ลี (Tim Berners-Lee) แห่งศูนย์วิจัย CERN ได้คิดค้นระบบไฮเปอร์เท็กซ์ขึ้น สามารถเปิดด้วย เว็บเบราวเซอร์ (Web Browser) ตัวแรกมีชื่อว่า WWW (World Wide Web) แต่เว็บไซต์ได้รับความนิยมอย่างจริงจัง เมื่อศูนย์วิจัย NCSA ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เออร์แบน่าแชมเปญจ์ สหรัฐอเมริกา ได้คิดโปรแกรม MOSAIC (โมเสค) โดย Marc Andreessen ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์ระบบกราฟฟิก หลังจากนั้นทีมงานที่ทำโมเสคก็ได้ออกไปเปิดบริษัทเน็ตสเคป (Browser Timelines: Lynx 1993, Mosaic 1993, Netscape 1994, Opera 1994, IE 1995, Mac IE 1996, Mozilla 1999, Chimera 2002, Phoenix 2002, Camino 2003, Firebird 2003, Safari 2003, MyIE2 2003, Maxthon 2003, Firefox 2004, Seamonkey 2005, Netsurf 2007, Chrome 2008)ในความเป็นจริงไม่มีใครเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต และไม่มีใครมีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ ผู้ติดสิน ผู้เสนอ ผู้ทดสอบ ผู้กำหนดมาตรฐานก็คือผู้ใช้ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ก่อนประกาศเป็นมาตรฐานต้องมีการทดลองใช้มาตรฐานเหล่านั้นก่อน ส่วนมาตรฐานเดิมที่เป็นพื้นฐานของระบบ เช่น TCP/IP หรือ Domain Name ก็จะยึดตามนั้นต่อไป เพราะอินเทอร์เน็ตเป็นระบบกระจายฐานข้อมูล การจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลพื้นฐานอาจต้องใช้เวลา

Arpanet : The Internet as you know it today, and through which you are accessing this information, had its beginnings in the late 1960s as the “ARPANET”. Started by the U.S. Department of Defense Advanced Research Projects Agency (now DARPA), the entire network consisted of just four computers linked together from different sites to conduct research in wide-area networking. SRI, then known as the Stanford Research Institute, hosted one of the original four network nodes, along with the University of California, Los Angeles (UCLA), the University of California, Santa Barbara (UCSB), and the University of Utah. The very first transmission on the ARPANET, on 29th October 1969, was from UCLA to SRI.

What is IPv6? 
from RFC2460 = Request for Comments:2460 .

IP version 6 (IPv6) is a new version of the Internet Protocol, designed as the successor to IP version 4 (IPv4) [RFC-791]. The changes from IPv4 to IPv6 fall primarily into the following categories:o Expanded Addressing Capabilitieso Header Format Simplificationo Improved Support for Extensions and Optionso Flow Labeling Capabilityo Authentication and Privacy Capabilities

Webserver 
ค.ศ.1989 Tim Berners-Lee เริ่มโครงการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารแบบข้อความที่มีปฏิสัมพันธ์กัน (Hypertext) แก่บริษัท CERN ทำงานบน NeXTSTEP OS ระหว่าง ค.ศ. 1991 – 1994 พอปี ค.ศ.1994 ก็ตั้ง W3C เพื่อพัฒนามาตรฐานอื่น ๆ อาทิ HTTP , HTML 
โปรแกรมที่พัฒนาขึ้น 
– Web Browser 
– Web Server


Mosaic เป็น Web Browser ที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลายในราวปีค.ศ.1993 ด้วยความสามารถที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลในแบบภาพกราฟฟิกและสื่อผสมได้ง่าย สำหรับ world wide web พัฒนาโดย Marc L. Andreessen และ Eric J. Bina ขึ้นที่ The national center for supercomputing application (NCSA) 
รายชื่อเว็บบราวเซอร์ (Web browser lising)

  IP4 to IP6 Webguides 
– ipv6.net | ipv6.org 
– byxtreme.com * 
– buu.ac.th 
– kmitnb.ac.th 
– sun.com 
– wikipedia.org 
– tcpipguide.com 
– nectec.or.th 
– itcompanion.co.th 
– nectec.or.th 
– vanbest.org (IETF:1990)

บริการที่อินเทอร์เน็ตมีให้

1. Telnet หรือ SSH
เครื่องมือพื้นฐาน ที่ใช้ติดต่อเครื่องบริการ (Server) เพื่อเข้าควบคุมการทำงานของเครื่อง ปิดเปิดบริการ รับส่งเมล ใช้พัฒนาโปรแกรม เป็นต้น โปรแกรมนี้มีมาพร้อมกับการติดตั้ง TCP/IP ผู้ใช้สามารถเรียกใช้จาก c:\windows\telnet.exe แต่การใช้งานเป็นแบบ Text Mode ที่ผู้ใช้ต้องเรียนรู้คำสั่งให้เข้าใจก่อนใช้งาน ในอดีตผู้ใช้มักใช้โปรแกรม Pine ในเครื่องบริการสำหรับรับส่งอีเมล ก่อนการใช้ POP3 และ Web-Based จะแพร่หลาย โปรแกรม PINE ถูกพัฒนาโดยนักศึกษามหาวิทยาลัย WASHINGTON University+ telnet.orgwikipedia.org

2. อีเมล (e-mail หรือ Electronic Mail)
อีเมล คือ บริการกล่องจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ใช้สามารถรับ และส่งอีเมลในอินเทอร์เน็ต เพื่อประโยชน์ด้านการสื่อสาร ปัจจุบันบริการอีเมลผ่าน Web-Based Mail ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงมีหลายบริษัทเปิดให้บริการฟรีอีเมล เช่น hotmail.comyahoo.com,thaimail.comchaiyo.comlampang.netthaiall.comบริการอีเมลที่ได้รับความนิยมมี 2 ประเภทคือ Web-Based Mail และ POP3 บริการแบบ POP3 นั้นผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดอีเมลจากเครื่องบริการเมลไปเก็บไว้ในเครื่องของตน จึงเปิดอ่านอีเมลเก่าได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เหมาะกับผู้ใช้ในสำนักงานที่มีเครื่องเป็นของตนเอง โปรแกรมที่ใช้เปิดอีเมลแบบ POP3 เช่น Outlook Express, Eudora หรือ Netscape Mail เป็นต้น+ www.thaiall.com/article/mail.htm

3. USENET News หรือ News Group
ในยุคแรกของอินเทอร์เน็ต มีผู้ใช้บริการ USENET อย่างแพร่หลาย เพราะเป็นแหล่งข้อมูลให้สืบค้นขนาดใหญ่ สามารถส่งคำถาม เข้าไปตอบคำถาม แสดงความคิดเห็น ทำให้เกิดสังคมของการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ปัจจุบันมีการใช้งาน USENET น้อยลง เพราะผู้ใช้หันไปใช้เว็บบอร์ดซึ่งเข้าถึงได้ง่าย และเป็นที่แพร่หลายกว่า ปัจจุบันเชื่อว่าเยาวชนรู้จัก http://www.pantip.com มากกว่า news://soc.culture.thai

4. FTP (File Transfer Protocal – บริการโอนย้ายข้อมูล)
บริการนี้ สามารถใช้ download แฟ้มผ่าน browser ได้เพราะการ download คือ การคัดลอกโปรแกรมจาก server มาไว้ในเครื่องของตน แต่ถ้าจะ upload แฟ้ม ซึ่งหมายถึง การส่งแฟ้มจากเครื่องของตน เข้าไปเก็บใน server เช่นการปรับปรุง homepage ให้ทันสมัย ซึ่ง homepage ของตนถูกจัดเก็บใน server ที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง จะต้องใช้โปรแกรมอื่น เพื่อส่งแฟ้มเข้าไปใน server เช่นโปรแกรม cuteftp หรือ wsftp หรือ ftp ของ windowsการ download นั้นไม่ยาก หากผู้ให้บริการยอมให้ใครก็ได้เข้าไป download แฟ้มใน server ของตน และผู้ใช้บริการรู้ว่าแฟ้มที่ต้องการนั้นอยู่ที่ใด แต่การ upload มักไม่ง่าย เพราะต้องใช้โปรแกรมเป็น และมีความเป็นเจ้าของในเนื้อที่ที่จะกระทำ รวมทั้งมี userid และ password เพื่อแสดงสิทธิในการเข้าใช้บริการ การศึกษาการส่งแฟ้มเข้าไปใน server อาจต้องหา บทเรียน ftp มาอ่านเพื่อศึกษาวิธีการส่ง หรือหาอ่านได้จาก เว็บที่ให้บริการ upload แฟ้ม ซึ่งมักเขียนไว้ละเอียดดีอยู่แล้ว+ ipswitch.com (WS_FTP Client)+ filezilla.sourceforge.net แนะนำโดย thaiopensource.org+ www.thaiall.com/learn/useftp.htm

5. WWW (World Wide Web)
บริการที่ต้องใช้โปรแกรม Web Browser เช่น FireFox, Netscape, Internet Explorer, Opera หรือ Neoplanet เพื่อเปิดดูข้อมูลจากเว็บไซต์ (Website) หรือโฮมเพจ (Homepage) จะได้ข้อมูลในลักษณะเป็นตัวอักษร ภาพ เสียง และภาพเคลื่อนไหว ในลักษณะสื่อผสม รวมทั้งการสั่งประมวลผล และตอบสนองแบบอินเทอร์แอ็กทีฟ (Interactive)บริการนี้ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนนำมาใช้งานอย่างหลากหลาย เช่น ชมภาพยนต์ ฟังเพลงออนไลน์ เล่นเกมส์ ค้นข้อมูล ประมวลผลข้อมูลทางธุรกิจ ทำข้อสอบ การส่งเมล ติดต่อซื้อขาย ชำระเงินด้วยบัตรเครดิต หรือส่งโพสท์การ์ด เป็นต้น+ class.yonok.ac.ththaiall.comuploadtoday.com hollywood.com

6. Skype, Net2Phone, Cattelecom.com
บริการโทรศัพท์จากคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องรับโทรศัพท์ที่บ้าน (PC2Phone) และได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีอัตราค่าโทรศัพท์ถูกกว่า และผู้ให้บริการบางรายยังมีบริการ PC2Fax สำหรับส่ง Fax จากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปเครื่องรับ Fax ที่สำนักงาน โดยชำระค่าบริการแบบ Pre-Paid และใช้บริการจนกว่าเงินที่จ่ายไว้จะหมดแต่ถ้าโทรจากคอมพิวเตอร์ไปยังคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ฟรี เพราะมีโปรแกรมหลายตัวที่มีความสามารถนี้ และฟรีเช่นกัน บาง+ net2phone.comskype.comcattelecom.com

7. Netmeeting
ในอดีต .. เป็นโปรแกรมที่มีชื่อมาก เพราะทำให้คนจากซีกโลกหนึ่ง สามารถติดต่อกับอีกซีกโลก ด้วยภาพ และเสียงจากคอมพิวเตอร์ ถึงคอมพิวเตอร์ คล้ายโทรศัพท์ แต่ไม่มีค่าโทรศัพท์ทางไกลไปต่างประเทศ เสียค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้นผู้ใช้ต้อง download โปรแกรมมาติดตั้ง แต่ปัญหาที่สำคัญในการติดต่อสื่อสารแบบนี้ คือ ต้องการสื่อที่รองรับการสื่อสารด้วยความเร็วสูง เพราะการติดต่อด้วยเสียง อาจได้เสียงที่ไม่ชัดเจน หรือขาดหายระหว่างการสนทนา หากความเร็วในการเชื่อมต่อไม่เร็วพอ และเป็นไปไม่ได้ ถ้าใช้การเชื่อมต่อเว็บแคม (WebCam) แบบเห็นภาพร่วมด้วย ถ้ายังใช้ Modem 56 Kbps อยู่ แต่ถ้าใช้ ADSL ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องความเร็วอีกต่อไปTo Open Netmeeting in WinXP : Start, Run, conf.exe+ microsoft.comvideofrog.com

8. ICQ (I Seek You)
ในอดีต .. บริการนี้เป็น บริการที่เยี่ยมมาก และได้รับความนิยมจนไม่คิดว่าจะมีใครมาล้มได้ ผู้ใดที่มีโปรแกรม ICQ ไว้ในคอมพิวเตอร์ จะติดต่อกับเพื่อนที่ใช้โปรแกรม ICQ อยู่ได้อย่างสะดวก เพราะเมื่อเปิดเครื่อง โปรแกรมนี้จะแสดงสถานะของเพื่อนใน List ทันทีว่ามาแล้ว และพร้อมจะสนทนาด้วยหรือไม่ เปรียบเสมือนมี Pager ติดคอมพิวเตอร์ไว้ทีเดียว บริการนี้ ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมมาติดตั้งฟรี เบอร์ที่ผมเคยใช้คือ 20449588ปัจจุบันผู้คนหันไปใช้ MSN Messenger หรือ Yahoo Messenger+ icq.commsn.com (Webcam, Speaker, Microphone)+ yahoo.com

9. IRC (Internet Relay Chat)
ในอดีต .. บริการนี้คนไทยทุกวัย ชอบกันมาก โดยเฉพาะโปรแกรม PIRC เพราะทำให้สามารถสนทนากับใครก็ได้ที่ใช้โปรแกรม PIRC การสนทนากระทำผ่านแป้นพิมพ์ โดยไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า หรือรับผิดชอบต่อสิ่งที่พิมพ์ออกไป หญิงอาจบอกว่าตนเป็นชาย นักเรียนมัธยมอาจบอกว่าตนเป็นนางงาม เด็กตจว. อาจบอกว่ากำลังเรียนต่อแอลเอ เป็นต้นใน IRC มักแบ่งเป็นห้อง โดยมีชื่อห้องเป็นตัวระบุหัวข้อสนทนา หรือสื่อให้รู้กันในกลุ่ม เช่น “ห้องวิธีแก้เหงา” หากใครต้องการสนทนาถึงวิธีแก้เหงา เข้าไปในห้องนั้น หรือเข้าหลายห้องพร้อมกัน สามารถเลือกสนทนากับใครเป็นการส่วนตัว หรือจะสนทนาพร้อมกันทั้งกลุ่ม เมื่อสนทนากันถูกคอก็สามารถ ที่นัด Meeting ตามร้านอาหาร เพื่อนสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือนัดสนทนากันใหม่ในเวลาที่สะดวกสำหรับวันต่อไป จึงทำให้ทุกเพศทุกวัย ชื่นชอบที่จะใช้บริการนี้อย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ยังไม่มีคู่ชีวิตปัจจุบันผู้คนหันไปใช้ Messenger หรือ Web Chat+ mirc.comthaiirc.in.th

10. Game Online
เกมส์กลยุทธหลายเกมส์ เป็นการจำลองสถานการณ์การรบ หรือการแข่งขัน ทำให้ผู้ใช้สามารถต่อสู้กับตัวละครในคอมพิวเตอร์ เสมือนคอมพิวเตอร์สามารถคิดเอง และสู้กับเราได้ แต่ก็ยังมีจุดบกพร่อง เพราะไม่เหมือนการสู้กับคนที่คิดเป็น และพูดคุยโต้ตอบได้ จึงมีการสร้างเกมส์ และบริการ ที่ทำให้ผู้ใช้ต่อสู้กัน หรือร่วมกันสู้ โดยจ่ายค่าลงทะเบียน เพื่อขอรหัสผู้ใช้เข้าเครื่องบริการ เพื่อการติดต่อสื่อสาร หรือทำภารกิจกับเพื่อนร่วมรบ ที่มีจุดมุ่งหมาย หรือชื่นชอบในเรื่องเดียวกัน เป็นบริการเพื่อความบันเทิงที่กำลังเติมโต อย่างรวดเร็วในโลกอินเทอร์เน็ตและในอนาคต ผู้ที่เคยติดเกมจะได้เรียนรู้ว่า เขาน่าจะทำกิจกรรมอื่นมากกว่าติดเกม+ asiasoft.co.thsiamcomic.combarbie.comferryhalim.comthaiall.com/games

11. Software Updating
มีโปรแกรมมากมายที่ใช้ประโยชน์จากการติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต และหนึ่งในนั้นก็คือ บริการปรับปรุงโปรแกรม แบบ Online เช่น โปรแกรมฆ่าไวรัส ที่มีชื่อเสียง เกือบทุกโปรแกรม หรือระบบปฏิบัติการอย่าง Microsoft ก็ยอมให้ผู้ใช้สามารถเข้ามา Download ข้อมูลไปปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อใช้ต่อสู้ไวรัสตัวใหม่ หรือแก้ไขจุดบกพร่องที่พบในภายหลัง ผู้ใช้เพียงแต่เลือก Click บนปุ่ม Update โปรแกรมจะทำหน้าที่เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของตน และทำงานเองจนการ update สมบูรณ์+ clamwin.com แนะนำโดย thaiopensource.org+ antivir.combitdefender.com

12. Palm หรือ PocketPC
Palm หรือ PocketPC นั้นต่างก็เป็น Organizer ยุคใหม่มีอีกชื่อหนึ่งว่า PDA (Personal Digital Assistant) ซึ่งถูกตั้งชื่อโดย Apple ตั้งแต่ปี 1990 แต่สมัยนั้นยังไม่สำเร็จ จึงมีการพัฒนาเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่มีความสามารถสูงมาก เพราะสามารถพัฒนาโปรแกรม สั่งให้ palm ทำงานได้หลาย ๆ อย่าง ทำให้ความสามารถหลักด้าน organizer กลายเป็นส่วนประกอบไปเลย เพราะมีผู้พัฒนาโปรแกรมให้กับ palm มากทีเดียว คนไทยก็ทำครับ เพื่อให้ palm เข้าใจภาษาไทย และใช้ปากกาเขียนภาษาไทยให้ palm อ่านรู้เรื่องได้ทันทีPalm สามารถทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์ โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดยผู้ใช้ palm สามารถเขียน mail ใน palm เมื่อต้องการส่งก็ upload เข้าคอมพิวเตอร์ที่ online กับ internet แล้ว คอมพิวเตอร์ก็จะทำหน้าที่ส่ง mail ให้อัตโนมัติ รวมถึงการรับ mail ใหม่เข้าไปใน palm ทำให้สามารถอ่าน mail จากที่ไหนก็ได้ แต่เป็นการทำงานแบบ offline ไม่เหมือนมือถือที่อ่าน mail ได้แบบ online แต่ palm ไม่ใช่มือถือครับ (palm.com)
PocketPC คืออะไรผลจากปี 1998 เมื่อ Microsoft แนะนำ WindowCE ซึ่งทำงานกับ Palm-sized PC ซึ่งพยายามตี palm ให้แตก ด้วยการสร้างระบบปฏิบัติการ ที่เป็นมาตรฐานใหม่ บริษัทต่าง ๆ ที่สนใจจึงเริ่มผลิตสินค้า ที่ใช้ Windows CE โดยมีชื่อเรียกอุปกรณ์เหล่านี้ว่า PocketPCคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่กำหนดมาตรฐานโดย Microsoft เจ้าเก่า(งานนี้ palm อาจต้องหนาว) ทำให้ PocketPC ที่ผลิดโดยบริษัทใดก็แล้วแต่ เช่น Compaq, Casio, HP เป็นต้น สามารถเปิดเว็บ พิมพ์ Word หรือ Excel ฟัง MP3 หรือแม้แต่ดูหนัง ก็ยังได้ 

13. WAP (Wireless Application Protocal)
WAP เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้โทรศัพท์ สามารถเปิดเว็บเพจที่พัฒนาเพื่อโทรศัพท์มือถือตามมาตรฐาน WAP โดยเฉพาะ เช่น wopwap.com, wap.siam2you.com, wap.a-roi.com, wap.mweb.co.th รุ่นของโทรศัพท์ในยุคแรกที่ให้บริการ WAP เช่น Nokia7110, Nokia9110i, EricssonR320, EricssonA2618, Alcatel OneTouch View WAP หรือ 300 family หรือ 500 family หรือ 700 family, MotorolaV8088 เป็นต้น เว็บที่มีข้อมูลเรื่อง wap เช่น wapinsight.com, wap-uk.com, waphq.com, wapjag.com, yourwap.com, waptastic.com เป็นต้นปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องเข้า Wap Website แต่เข้าเว็บไซต์โดยตรงผ่านบริการ GPRS (General Packet Radio Service) ใน GSM Mobile Phone [wikipedia.org]

อินเทอร์เน็ต INTERNET

สารบัญ 
1. ประวัติความเป็นมา 
2. ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต (Internet Advantage)1. การติดต่อสื่อสาร (Communication)2. ความบันเทิง (Entertainment)3. ธุรกิจการพาณิชย์ (Commerce)4. การศึกษา (Education) 
3. เอกสารจาก Nectec เยอะมาก 
4. อินเทอร์เน็ต…เข้าใจง่าย 66 หน้า (PDF)
อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Inter และ net 
1. อินเทอร์ (Inter) คือ ระหว่าง หรือท่ามกลาง 
2. เน็ต (Net) คือ เครือข่าย (Network)


อินเทอร์เน็ต (Internet) 
คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายเล็ก ๆ มากมาย รวมเป็นเครือข่ายเดียวกันทั้งโลก 
คือ เครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงกันระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย 
คือ การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย 
คือ เครือข่ายของเครือข่าย


ข้อมูลจากหนังสือดี 
+ Internet starter kit (Adam C.Engst | Corwin S. Low | Michael A. Simon) 
+ เปิดโลกอินนเทอร์เน็ต (สมนึก คีรีโต | สุรศักดิ์ สงวนพงษ์ | สมชาย นำประเสริฐชัย) 
+ User’s Basic Guide to the Internet (สำนักคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) 
+ The ABCs of The Internet (Srisakdi Charmonman,Ph.D. …)

ใช้ข้อมูลจากเว็บหน้านี้ไปอบรมเรื่อง Internet คืออะไร ที่โรงเรียนบุญวาทย์ วิทยาลัย ลำปาง 
(หากมีสิ่งใดผิดพลาด หรือไม่ถูกต้อง ขอได้ชี้แนะมายังทีมงาน เราจะรีบตรวจสอบ และแก้ไขในทันที – E-Mail
 
ผังแสดงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (Internet)
ผู้สนับสนุน ผู้สนับสนุน
รับผู้สนับสนุน

ประวัติความเป็นมา
อินเทอร์เน็ต คือ การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ตามโครงการของอาร์ป้าเน็ต (ARPAnet = Advanced Research Projects Agency Network) เป็นหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหมของสหรัฐ (U.S.Department of Defense – DoD) ถูกก่อตั้งเมื่อประมาณ ปีค.ศ.1960(พ.ศ.2503) และได้ถูกพัฒนาเรื่อยมาค.ศ.1969(พ.ศ.2512) อาร์ป้าเน็ตได้รับทุนสนันสนุนจากหลายฝ่าย และเปลี่ยนชื่อเป็นดาป้าเน็ต (DARPANET = Defense Advanced Research Projects Agency Network) พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบาย และได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิดจาก 4 เครือข่ายเข้าหากันเป็นครั้งแรก คือ 1)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลองแองเจอลิส 2)สถาบันวิจัยสแตนฟอร์ด 3)มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานตาบาบาร่า และ4)มหาวิทยาลัยยูทาห์ เครือข่ายทดลองประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีค.ศ.1975(พ.ศ.2518) จึงได้เปลี่ยนจากเครือข่ายทดลอง เป็นเครือข่ายที่ใช้งานจริง ซึ่งดาป้าเน็ตได้โอนหน้าที่รับผิดชอบให้แก่หน่วยการสื่อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency – ปัจจุบันคือ Defense Informations Systems Agency) แต่ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีคณะทำงานที่รับผิดชอบบริหารเครือข่ายโดยรวม เช่น ISOC (Internet Society) ดูแลวัตถุประสงค์หลัก, IAB (Internet Architecture Board) พิจารณาอนุมัติมาตรฐานใหม่ในอินเทอร์เน็ต, IETF (Internet Engineering Task Force) พัฒนามาตรฐานที่ใช้กับอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นการทำงานโดยอาสาสมัครทั้งสิ้นค.ศ.1983(พ.ศ.2526) ดาป้าเน็ตตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ จึงเป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน เพราะ TCP/IP เป็นข้อกำหนดที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในโลกสื่อสารด้วยความเข้าใจบนมาตรฐานเดียวกันค.ศ.1980(พ.ศ.2523) ดาป้าเน็ตได้มอบหน้าที่รับผิดชอบการดูแลระบบอินเทอร์เน็ตให้มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Science Foundation – NSF) ร่วมกับอีกหลายหน่วยงานค.ศ.1986(พ.ศ.2529) เริ่มใช้การกำหนดโดเมนเนม (Domain Name) เป็นการสร้างฐานข้อมูลแบบกระจาย (Distribution Database) อยู่ในแต่ละเครือข่าย และให้ ISP(Internet Service Provider) ช่วยจัดทำฐานข้อมูลของตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลแบบรวมศูนย์เหมือนแต่ก่อน เช่น การเรียกเว็บไซต์ http://www.yonok.ac.th จะไปที่ตรวจสอบว่ามีชื่อนี้ในเครื่องบริการโดเมนเนมหรือไม่ ถ้ามีก็จะตอบกับมาเป็นหมายเลขไอพี ถ้าไม่มีก็จะค้นหาจากเครื่องบริการโดเมนเนมที่ทำหน้าที่แปลชื่ออื่น สำหรับชื่อที่ลงท้ายด้วย .th มีเครื่องบริการที่ thnic.co.th ซึ่งมีฐานข้อมูลของโดเมนเนมที่ลงท้ายด้วย th ทั้งหมดค.ศ.1991(พ.ศ.2534) ทิม เบอร์เนอร์ส ลี (Tim Berners-Lee) แห่งศูนย์วิจัย CERN ได้คิดค้นระบบไฮเปอร์เท็กซ์ขึ้น สามารถเปิดด้วย เว็บเบราวเซอร์ (Web Browser) ตัวแรกมีชื่อว่า WWW (World Wide Web) แต่เว็บไซต์ได้รับความนิยมอย่างจริงจัง เมื่อศูนย์วิจัย NCSA ของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์เออร์แบน่าแชมเปญจ์ สหรัฐอเมริกา ได้คิดโปรแกรม MOSAIC (โมเสค) โดย Marc Andreessen ซึ่งเป็นเว็บเบราว์เซอร์ระบบกราฟฟิก หลังจากนั้นทีมงานที่ทำโมเสคก็ได้ออกไปเปิดบริษัทเน็ตสเคป (Browser Timelines: Lynx 1993, Mosaic 1993, Netscape 1994, Opera 1994, IE 1995, Mac IE 1996, Mozilla 1999, Chimera 2002, Phoenix 2002, Camino 2003, Firebird 2003, Safari 2003, MyIE2 2003, Maxthon 2003, Firefox 2004, Seamonkey 2005, Netsurf 2007, Chrome 2008)ในความเป็นจริงไม่มีใครเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต และไม่มีใครมีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ ผู้ติดสิน ผู้เสนอ ผู้ทดสอบ ผู้กำหนดมาตรฐานก็คือผู้ใช้ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก ก่อนประกาศเป็นมาตรฐานต้องมีการทดลองใช้มาตรฐานเหล่านั้นก่อน ส่วนมาตรฐานเดิมที่เป็นพื้นฐานของระบบ เช่น TCP/IP หรือ Domain Name ก็จะยึดตามนั้นต่อไป เพราะอินเทอร์เน็ตเป็นระบบกระจายฐานข้อมูล การจะเปลี่ยนแปลงข้อมูลพื้นฐานอาจต้องใช้เวลา

Arpanet : The Internet as you know it today, and through which you are accessing this information, had its beginnings in the late 1960s as the “ARPANET”. Started by the U.S. Department of Defense Advanced Research Projects Agency (now DARPA), the entire network consisted of just four computers linked together from different sites to conduct research in wide-area networking. SRI, then known as the Stanford Research Institute, hosted one of the original four network nodes, along with the University of California, Los Angeles (UCLA), the University of California, Santa Barbara (UCSB), and the University of Utah. The very first transmission on the ARPANET, on 29th October 1969, was from UCLA to SRI.

What is IPv6? 
from RFC2460 = Request for Comments:2460 .

IP version 6 (IPv6) is a new version of the Internet Protocol, designed as the successor to IP version 4 (IPv4) [RFC-791]. The changes from IPv4 to IPv6 fall primarily into the following categories:o Expanded Addressing Capabilitieso Header Format Simplificationo Improved Support for Extensions and Optionso Flow Labeling Capabilityo Authentication and Privacy Capabilities

Webserver 
ค.ศ.1989 Tim Berners-Lee เริ่มโครงการพัฒนาระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารแบบข้อความที่มีปฏิสัมพันธ์กัน (Hypertext) แก่บริษัท CERN ทำงานบน NeXTSTEP OS ระหว่าง ค.ศ. 1991 – 1994 พอปี ค.ศ.1994 ก็ตั้ง W3C เพื่อพัฒนามาตรฐานอื่น ๆ อาทิ HTTP , HTML 
โปรแกรมที่พัฒนาขึ้น 
– Web Browser 
– Web Server


Mosaic เป็น Web Browser ที่ทำให้ผู้คนได้รู้จักอินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลายในราวปีค.ศ.1993 ด้วยความสามารถที่ทำให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลในแบบภาพกราฟฟิกและสื่อผสมได้ง่าย สำหรับ world wide web พัฒนาโดย Marc L. Andreessen และ Eric J. Bina ขึ้นที่ The national center for supercomputing application (NCSA) 
รายชื่อเว็บบราวเซอร์ (Web browser lising)

  IP4 to IP6 Webguides 
– ipv6.net | ipv6.org 
– byxtreme.com * 
– buu.ac.th 
– kmitnb.ac.th 
– sun.com 
– wikipedia.org 
– tcpipguide.com 
– nectec.or.th 
– itcompanion.co.th 
– nectec.or.th 
– vanbest.org (IETF:1990)

บริการที่อินเทอร์เน็ตมีให้

1. Telnet หรือ SSH
เครื่องมือพื้นฐาน ที่ใช้ติดต่อเครื่องบริการ (Server) เพื่อเข้าควบคุมการทำงานของเครื่อง ปิดเปิดบริการ รับส่งเมล ใช้พัฒนาโปรแกรม เป็นต้น โปรแกรมนี้มีมาพร้อมกับการติดตั้ง TCP/IP ผู้ใช้สามารถเรียกใช้จาก c:\windows\telnet.exe แต่การใช้งานเป็นแบบ Text Mode ที่ผู้ใช้ต้องเรียนรู้คำสั่งให้เข้าใจก่อนใช้งาน ในอดีตผู้ใช้มักใช้โปรแกรม Pine ในเครื่องบริการสำหรับรับส่งอีเมล ก่อนการใช้ POP3 และ Web-Based จะแพร่หลาย โปรแกรม PINE ถูกพัฒนาโดยนักศึกษามหาวิทยาลัย WASHINGTON University+ telnet.orgwikipedia.org

2. อีเมล (e-mail หรือ Electronic Mail)
อีเมล คือ บริการกล่องจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ให้ผู้ใช้สามารถรับ และส่งอีเมลในอินเทอร์เน็ต เพื่อประโยชน์ด้านการสื่อสาร ปัจจุบันบริการอีเมลผ่าน Web-Based Mail ได้รับความนิยมอย่างมาก จึงมีหลายบริษัทเปิดให้บริการฟรีอีเมล เช่น hotmail.comyahoo.com,thaimail.comchaiyo.comlampang.netthaiall.comบริการอีเมลที่ได้รับความนิยมมี 2 ประเภทคือ Web-Based Mail และ POP3 บริการแบบ POP3 นั้นผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดอีเมลจากเครื่องบริการเมลไปเก็บไว้ในเครื่องของตน จึงเปิดอ่านอีเมลเก่าได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เหมาะกับผู้ใช้ในสำนักงานที่มีเครื่องเป็นของตนเอง โปรแกรมที่ใช้เปิดอีเมลแบบ POP3 เช่น Outlook Express, Eudora หรือ Netscape Mail เป็นต้น+ www.thaiall.com/article/mail.htm

3. USENET News หรือ News Group
ในยุคแรกของอินเทอร์เน็ต มีผู้ใช้บริการ USENET อย่างแพร่หลาย เพราะเป็นแหล่งข้อมูลให้สืบค้นขนาดใหญ่ สามารถส่งคำถาม เข้าไปตอบคำถาม แสดงความคิดเห็น ทำให้เกิดสังคมของการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ปัจจุบันมีการใช้งาน USENET น้อยลง เพราะผู้ใช้หันไปใช้เว็บบอร์ดซึ่งเข้าถึงได้ง่าย และเป็นที่แพร่หลายกว่า ปัจจุบันเชื่อว่าเยาวชนรู้จัก http://www.pantip.com มากกว่า news://soc.culture.thai

4. FTP (File Transfer Protocal – บริการโอนย้ายข้อมูล)
บริการนี้ สามารถใช้ download แฟ้มผ่าน browser ได้เพราะการ download คือ การคัดลอกโปรแกรมจาก server มาไว้ในเครื่องของตน แต่ถ้าจะ upload แฟ้ม ซึ่งหมายถึง การส่งแฟ้มจากเครื่องของตน เข้าไปเก็บใน server เช่นการปรับปรุง homepage ให้ทันสมัย ซึ่ง homepage ของตนถูกจัดเก็บใน server ที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง จะต้องใช้โปรแกรมอื่น เพื่อส่งแฟ้มเข้าไปใน server เช่นโปรแกรม cuteftp หรือ wsftp หรือ ftp ของ windowsการ download นั้นไม่ยาก หากผู้ให้บริการยอมให้ใครก็ได้เข้าไป download แฟ้มใน server ของตน และผู้ใช้บริการรู้ว่าแฟ้มที่ต้องการนั้นอยู่ที่ใด แต่การ upload มักไม่ง่าย เพราะต้องใช้โปรแกรมเป็น และมีความเป็นเจ้าของในเนื้อที่ที่จะกระทำ รวมทั้งมี userid และ password เพื่อแสดงสิทธิในการเข้าใช้บริการ การศึกษาการส่งแฟ้มเข้าไปใน server อาจต้องหา บทเรียน ftp มาอ่านเพื่อศึกษาวิธีการส่ง หรือหาอ่านได้จาก เว็บที่ให้บริการ upload แฟ้ม ซึ่งมักเขียนไว้ละเอียดดีอยู่แล้ว+ ipswitch.com (WS_FTP Client)+ filezilla.sourceforge.net แนะนำโดย thaiopensource.org+ www.thaiall.com/learn/useftp.htm

5. WWW (World Wide Web)
บริการที่ต้องใช้โปรแกรม Web Browser เช่น FireFox, Netscape, Internet Explorer, Opera หรือ Neoplanet เพื่อเปิดดูข้อมูลจากเว็บไซต์ (Website) หรือโฮมเพจ (Homepage) จะได้ข้อมูลในลักษณะเป็นตัวอักษร ภาพ เสียง และภาพเคลื่อนไหว ในลักษณะสื่อผสม รวมทั้งการสั่งประมวลผล และตอบสนองแบบอินเทอร์แอ็กทีฟ (Interactive)บริการนี้ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนนำมาใช้งานอย่างหลากหลาย เช่น ชมภาพยนต์ ฟังเพลงออนไลน์ เล่นเกมส์ ค้นข้อมูล ประมวลผลข้อมูลทางธุรกิจ ทำข้อสอบ การส่งเมล ติดต่อซื้อขาย ชำระเงินด้วยบัตรเครดิต หรือส่งโพสท์การ์ด เป็นต้น+ class.yonok.ac.ththaiall.comuploadtoday.com hollywood.com

6. Skype, Net2Phone, Cattelecom.com
บริการโทรศัพท์จากคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องรับโทรศัพท์ที่บ้าน (PC2Phone) และได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีอัตราค่าโทรศัพท์ถูกกว่า และผู้ให้บริการบางรายยังมีบริการ PC2Fax สำหรับส่ง Fax จากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปเครื่องรับ Fax ที่สำนักงาน โดยชำระค่าบริการแบบ Pre-Paid และใช้บริการจนกว่าเงินที่จ่ายไว้จะหมดแต่ถ้าโทรจากคอมพิวเตอร์ไปยังคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ฟรี เพราะมีโปรแกรมหลายตัวที่มีความสามารถนี้ และฟรีเช่นกัน บาง+ net2phone.comskype.comcattelecom.com

7. Netmeeting
ในอดีต .. เป็นโปรแกรมที่มีชื่อมาก เพราะทำให้คนจากซีกโลกหนึ่ง สามารถติดต่อกับอีกซีกโลก ด้วยภาพ และเสียงจากคอมพิวเตอร์ ถึงคอมพิวเตอร์ คล้ายโทรศัพท์ แต่ไม่มีค่าโทรศัพท์ทางไกลไปต่างประเทศ เสียค่าใช้จ่ายเฉพาะค่าเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้นผู้ใช้ต้อง download โปรแกรมมาติดตั้ง แต่ปัญหาที่สำคัญในการติดต่อสื่อสารแบบนี้ คือ ต้องการสื่อที่รองรับการสื่อสารด้วยความเร็วสูง เพราะการติดต่อด้วยเสียง อาจได้เสียงที่ไม่ชัดเจน หรือขาดหายระหว่างการสนทนา หากความเร็วในการเชื่อมต่อไม่เร็วพอ และเป็นไปไม่ได้ ถ้าใช้การเชื่อมต่อเว็บแคม (WebCam) แบบเห็นภาพร่วมด้วย ถ้ายังใช้ Modem 56 Kbps อยู่ แต่ถ้าใช้ ADSL ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องความเร็วอีกต่อไปTo Open Netmeeting in WinXP : Start, Run, conf.exe+ microsoft.comvideofrog.com

8. ICQ (I Seek You)
ในอดีต .. บริการนี้เป็น บริการที่เยี่ยมมาก และได้รับความนิยมจนไม่คิดว่าจะมีใครมาล้มได้ ผู้ใดที่มีโปรแกรม ICQ ไว้ในคอมพิวเตอร์ จะติดต่อกับเพื่อนที่ใช้โปรแกรม ICQ อยู่ได้อย่างสะดวก เพราะเมื่อเปิดเครื่อง โปรแกรมนี้จะแสดงสถานะของเพื่อนใน List ทันทีว่ามาแล้ว และพร้อมจะสนทนาด้วยหรือไม่ เปรียบเสมือนมี Pager ติดคอมพิวเตอร์ไว้ทีเดียว บริการนี้ ผู้ใช้ต้องไป download โปรแกรมมาติดตั้งฟรี เบอร์ที่ผมเคยใช้คือ 20449588ปัจจุบันผู้คนหันไปใช้ MSN Messenger หรือ Yahoo Messenger+ icq.commsn.com (Webcam, Speaker, Microphone)+ yahoo.com

9. IRC (Internet Relay Chat)
ในอดีต .. บริการนี้คนไทยทุกวัย ชอบกันมาก โดยเฉพาะโปรแกรม PIRC เพราะทำให้สามารถสนทนากับใครก็ได้ที่ใช้โปรแกรม PIRC การสนทนากระทำผ่านแป้นพิมพ์ โดยไม่จำเป็นต้องเห็นหน้า หรือรับผิดชอบต่อสิ่งที่พิมพ์ออกไป หญิงอาจบอกว่าตนเป็นชาย นักเรียนมัธยมอาจบอกว่าตนเป็นนางงาม เด็กตจว. อาจบอกว่ากำลังเรียนต่อแอลเอ เป็นต้นใน IRC มักแบ่งเป็นห้อง โดยมีชื่อห้องเป็นตัวระบุหัวข้อสนทนา หรือสื่อให้รู้กันในกลุ่ม เช่น “ห้องวิธีแก้เหงา” หากใครต้องการสนทนาถึงวิธีแก้เหงา เข้าไปในห้องนั้น หรือเข้าหลายห้องพร้อมกัน สามารถเลือกสนทนากับใครเป็นการส่วนตัว หรือจะสนทนาพร้อมกันทั้งกลุ่ม เมื่อสนทนากันถูกคอก็สามารถ ที่นัด Meeting ตามร้านอาหาร เพื่อนสร้างสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หรือนัดสนทนากันใหม่ในเวลาที่สะดวกสำหรับวันต่อไป จึงทำให้ทุกเพศทุกวัย ชื่นชอบที่จะใช้บริการนี้อย่างมาก โดยเฉพาะคนที่ยังไม่มีคู่ชีวิตปัจจุบันผู้คนหันไปใช้ Messenger หรือ Web Chat+ mirc.comthaiirc.in.th

10. Game Online
เกมส์กลยุทธหลายเกมส์ เป็นการจำลองสถานการณ์การรบ หรือการแข่งขัน ทำให้ผู้ใช้สามารถต่อสู้กับตัวละครในคอมพิวเตอร์ เสมือนคอมพิวเตอร์สามารถคิดเอง และสู้กับเราได้ แต่ก็ยังมีจุดบกพร่อง เพราะไม่เหมือนการสู้กับคนที่คิดเป็น และพูดคุยโต้ตอบได้ จึงมีการสร้างเกมส์ และบริการ ที่ทำให้ผู้ใช้ต่อสู้กัน หรือร่วมกันสู้ โดยจ่ายค่าลงทะเบียน เพื่อขอรหัสผู้ใช้เข้าเครื่องบริการ เพื่อการติดต่อสื่อสาร หรือทำภารกิจกับเพื่อนร่วมรบ ที่มีจุดมุ่งหมาย หรือชื่นชอบในเรื่องเดียวกัน เป็นบริการเพื่อความบันเทิงที่กำลังเติมโต อย่างรวดเร็วในโลกอินเทอร์เน็ตและในอนาคต ผู้ที่เคยติดเกมจะได้เรียนรู้ว่า เขาน่าจะทำกิจกรรมอื่นมากกว่าติดเกม+ asiasoft.co.thsiamcomic.combarbie.comferryhalim.comthaiall.com/games

11. Software Updating
มีโปรแกรมมากมายที่ใช้ประโยชน์จากการติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต และหนึ่งในนั้นก็คือ บริการปรับปรุงโปรแกรม แบบ Online เช่น โปรแกรมฆ่าไวรัส ที่มีชื่อเสียง เกือบทุกโปรแกรม หรือระบบปฏิบัติการอย่าง Microsoft ก็ยอมให้ผู้ใช้สามารถเข้ามา Download ข้อมูลไปปรับปรุงให้ทันสมัย เพื่อใช้ต่อสู้ไวรัสตัวใหม่ หรือแก้ไขจุดบกพร่องที่พบในภายหลัง ผู้ใช้เพียงแต่เลือก Click บนปุ่ม Update โปรแกรมจะทำหน้าที่เชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของตน และทำงานเองจนการ update สมบูรณ์+ clamwin.com แนะนำโดย thaiopensource.org+ antivir.combitdefender.com

12. Palm หรือ PocketPC
Palm หรือ PocketPC นั้นต่างก็เป็น Organizer ยุคใหม่มีอีกชื่อหนึ่งว่า PDA (Personal Digital Assistant) ซึ่งถูกตั้งชื่อโดย Apple ตั้งแต่ปี 1990 แต่สมัยนั้นยังไม่สำเร็จ จึงมีการพัฒนาเรื่อยมา จนถึงปัจจุบันคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่มีความสามารถสูงมาก เพราะสามารถพัฒนาโปรแกรม สั่งให้ palm ทำงานได้หลาย ๆ อย่าง ทำให้ความสามารถหลักด้าน organizer กลายเป็นส่วนประกอบไปเลย เพราะมีผู้พัฒนาโปรแกรมให้กับ palm มากทีเดียว คนไทยก็ทำครับ เพื่อให้ palm เข้าใจภาษาไทย และใช้ปากกาเขียนภาษาไทยให้ palm อ่านรู้เรื่องได้ทันทีPalm สามารถทำงานร่วมกับคอมพิวเตอร์ โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดยผู้ใช้ palm สามารถเขียน mail ใน palm เมื่อต้องการส่งก็ upload เข้าคอมพิวเตอร์ที่ online กับ internet แล้ว คอมพิวเตอร์ก็จะทำหน้าที่ส่ง mail ให้อัตโนมัติ รวมถึงการรับ mail ใหม่เข้าไปใน palm ทำให้สามารถอ่าน mail จากที่ไหนก็ได้ แต่เป็นการทำงานแบบ offline ไม่เหมือนมือถือที่อ่าน mail ได้แบบ online แต่ palm ไม่ใช่มือถือครับ (palm.com)
PocketPC คืออะไรผลจากปี 1998 เมื่อ Microsoft แนะนำ WindowCE ซึ่งทำงานกับ Palm-sized PC ซึ่งพยายามตี palm ให้แตก ด้วยการสร้างระบบปฏิบัติการ ที่เป็นมาตรฐานใหม่ บริษัทต่าง ๆ ที่สนใจจึงเริ่มผลิตสินค้า ที่ใช้ Windows CE โดยมีชื่อเรียกอุปกรณ์เหล่านี้ว่า PocketPCคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่กำหนดมาตรฐานโดย Microsoft เจ้าเก่า(งานนี้ palm อาจต้องหนาว) ทำให้ PocketPC ที่ผลิดโดยบริษัทใดก็แล้วแต่ เช่น Compaq, Casio, HP เป็นต้น สามารถเปิดเว็บ พิมพ์ Word หรือ Excel ฟัง MP3 หรือแม้แต่ดูหนัง ก็ยังได้ 

13. WAP (Wireless Application Protocal)
WAP เป็นเทคโนโลยีที่ทำให้โทรศัพท์ สามารถเปิดเว็บเพจที่พัฒนาเพื่อโทรศัพท์มือถือตามมาตรฐาน WAP โดยเฉพาะ เช่น wopwap.com, wap.siam2you.com, wap.a-roi.com, wap.mweb.co.th รุ่นของโทรศัพท์ในยุคแรกที่ให้บริการ WAP เช่น Nokia7110, Nokia9110i, EricssonR320, EricssonA2618, Alcatel OneTouch View WAP หรือ 300 family หรือ 500 family หรือ 700 family, MotorolaV8088 เป็นต้น เว็บที่มีข้อมูลเรื่อง wap เช่น wapinsight.com, wap-uk.com, waphq.com, wapjag.com, yourwap.com, waptastic.com เป็นต้นปัจจุบันเราไม่จำเป็นต้องเข้า Wap Website แต่เข้าเว็บไซต์โดยตรงผ่านบริการ GPRS (General Packet Radio Service) ใน GSM Mobile Phone [wikipedia.org]

มารู้จัก กับซอฟแวร์ กันเถอะ :)

ซอฟท์แวร์ คืออะไร ?

 

ความจำเป็นของการใช้ซอฟต์แวร์

ซอฟต์แวร์ (software) หมายถึงชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ซอฟต์แวร์จึงหมายถึงลำดับขั้นตอนการทำงานที่เขียนขึ้นด้วยคำสั่งของคอมพิวเตอร์ คำสั่งเหล่านี้เรียงกันเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จากที่ทราบมาแล้วว่าคอมพิวเตอร์ทำงานตามคำสั่ง การทำงานพื้นฐานเป็นเพียงการกระทำกับข้อมูลที่เป็นตัวเลขฐานสอง ซึ่งใช้แทนข้อมูลที่เป็นตัวเลข ตัวอักษร รูปภาพ หรือแม้แต่เป็นเสียงพูดก็ได้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์จึงเป็นซอฟต์แวร์ เพราะเป็นลำดับขั้นตอนการทำงานของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งทำงานแตกต่างกันได้มากมายด้วยซอฟต์แวร์ที่แตกต่างกัน ซอฟต์แวร์จึงหมายรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ทุกประเภทที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้การที่เราเห็นคอมพิวเตอร์ทำงานให้กับเราได้มากมาย เพราะว่ามีผู้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาให้เราสั่งงานคอมพิวเตอร์ ร้านค้าอาจใช้คอมพิวเตอร์ทำบัญชีที่ยุ่งยากซับซ้อน บริษัทขายตั๋วใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในระบบการจองตั๋ว คอมพิวเตอร์ช่วยในเรื่องกิจการงานธนาคารที่มีข้อมูลต่าง ๆ มากมาย คอมพิวเตอร์ช่วยงานพิมพ์เอกสารให้สวยงาม เป็นต้น การที่คอมพิวเตอร์ดำเนินการให้ประโยชน์ได้มากมายมหาศาลจะอยู่ที่ซอฟต์แวร์ ซอฟต์แวร์จึงเป็นส่วนสำคัญของระบบคอมพิวเตอร์ หากขาดซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ก็ไม่สามารถทำงานได้ ซอฟต์แวร์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น และมีความสำคัญมาก และเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้ระบบสารสนเทศเป็นไปได้ตามที่ต้องการ

ซอฟท์แวร์และภาษาคอมพิวเตอร์

เมื่อมนุษย์ต้องการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการทำงาน มนุษย์จะต้องบอกขั้นตอนวิธีการให้คอมพิวเตอร์ทราบ การที่บอกสิ่งที่มนุษย์เข้าใจให้คอมพิวเตอร์รับรู้ และทำงานได้อย่างถูกต้อง จำเป็นต้องมีสื่อกลาง ถ้าเปรียบเทียบกับชีวิตประจำวันแล้ว เรามีภาษาที่ใช้ในการติดต่อซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกันถ้ามนุษย์ต้องการจะถ่ายทอดความต้องการให้คอมพิวเตอร์รับรู้และปฏิบัติตาม จะต้องมีสื่อกลางสำหรับการติดต่อเพื่อให้คอมพิวเตอร์รับรู้ เราเรียกสื่อกลางนี้ว่าภาษาคอมพิวเตอร์เนื่องจากคอมพิวเตอร์ทำงานด้วยสัญญาณทางไฟฟ้า ใช้แทนด้วยตัวเลข 0 และ 1 ได้ ผู้ออกแบบคอมพิวเตอร์ใช้ตัวเลข 0 และ 1 นี้เป็นรหัสแทนคำสั่งในการสั่งงานคอมพิวเตอร์ รหัสแทนข้อมูลและคำสั่งโดยใช้ระบบเลขฐานสองนี้ คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ เราเรียกเลขฐานสองที่ประกอบกันเป็นชุดคำสั่งและใช้สั่งงานคอมพิวเตอร์ว่าภาษาเครื่องการใช้ภาษาเครื่องนี้ถึงแม้คอมพิวเตอร์จะเข้าใจได้ทันที แต่มนุษย์ผู้ใช้จะมีข้อยุ่งยากมาก เพราะเข้าใจและจดจำได้ยาก จึงมีผู้สร้างภาษาคอมพิวเตอร์ในรูปแบบที่เป็นตัวอักษร เป็นประโยคข้อความ ภาษาในลักษณะดังกล่าวนี้เรียกว่า ภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูง ภาษาระดับสูงมีอยู่มากมาย บางภาษามีความเหมาะสมกับการใช้สั่งงานการคำนวณทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ บางภาษามีความเหมาะสมไว้ใช้สั่งงานทางด้านการจัดการข้อมูลในการทำงานของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จะแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง ดังนั้นจึงมีผู้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับแปลภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง โปรแกรมที่ใช้แปลภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่องเรียกว่า คอมไพเลอร์ (compiler) หรืออินเทอร์พรีเตอร์ (interpreter)คอมไพเลอร์จะทำการแปลโปรแกรมที่เขียนเป็นภาษาระดับสูงทั้งโปรแกรมให้เป็นภาษาเครื่องก่อน แล้วจึงให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามภาษาเครื่องนั้นส่วนอินเทอร์พรีเตอร์จะทำการแปลทีละคำสั่ง แล้วให้คอมพิวเตอร์ทำตามคำสั่งนั้น เมื่อทำเสร็จแล้วจึงมาทำการแปลคำสั่งลำดับต่อไป ข้อแตกต่างระหว่างคอมไพเลอร์กับอินเทอร์พรีเตอร์จึงอยู่ที่การแปลทั้งโปรแกรมหรือแปลทีละคำสั่ง ตัวแปลภาษาที่รู้จักกันดี เช่น ตัวแปลภาษาเบสิก ตัวแปลภาษาโคบอลซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์จึงเป็นส่วนสำคัญที่ควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์ให้ดำเนินการตามแนวความคิดที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว คอมพิวเตอร์ต้องทำงานตามโปรแกรมเท่านั้น ไม่สามารถทำงานที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในโปรแกรม

ชนิดของซอฟต์แวร์

ในบรรดาซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีผู้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์มีมากมาย ซอฟต์แวร์เหล่านี้อาจได้รับการพัฒนาโดยผู้ใช้งานเอง หรือผู้พัฒนาระบบ หรือผู้ผลิตจำหน่าย หากแบ่งแยกชนิดของซอฟต์แวร์ตามสภาพการทำงาน พอแบ่งแยกซอฟต์แวร์ได้เป็นสองประเภท คือ ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) และซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software)

    • ซอฟต์แวร์ระบบ คือซอฟต์แวร์ที่บริษัทผู้ผลิตสร้างขึ้นมาเพื่อใช้จัดการกับระบบ หน้าที่การทำงานของซอฟต์แวร์ระบบคือดำเนินงานพื้นฐานต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น รับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระแล้วแปลความหมายให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ นำข้อมูลไปแสดงผลบนจอภาพหรือนำออกไปยังเครื่องพิมพ์ จัดการข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจำรองเมื่อเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ทันทีที่มีการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์จะทำงานตามโปรแกรมทันที โปรแกรมแรกที่สั่งคอมพิวเตอร์ทำงานนี้เป็นซอฟต์แวร์ระบบ ซอฟต์แวร์ระบบอาจเก็บไว้ในรอม หรือในแผ่นจานแม่เหล็ก หากไม่มีซอฟต์แวร์ระบบ คอมพิวเตอร์จะทำงานไม่ได้ซอฟต์แวร์ระบบยังใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ และยังรวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาต่าง ๆ
    • ซอฟต์แวร์ประยุกต์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้กับงานด้านต่าง ๆ ตามความต้องการของผู้ใช้ ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้โดยตรง ปัจจุบันมีผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานทางด้านต่าง ๆ ออกจำหน่ายมาก การประยุกต์งานคอมพิวเตอร์จึงกว้างขวางและแพร่หลาย เราอาจแบ่งซอฟต์แวร์ประยุกต์ออกเป็นสองกลุ่มคือ ซอฟต์แวร์สำเร็จ และซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นใช้งานเฉพาะ ซอฟต์แวร์สำเร็จในปัจจุบันมีมากมาย เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ฯลฯ

 

การ<wbr>แบ่ง<wbr>ชนิด<wbr>ของ<wbr>ซอฟต์แวร์<wbr>

ซอฟท์แวร์ระบบ

คอมพิวเตอร์ประกอบด้วย หน่วยรับเข้า หน่วยส่งออก หน่วยความจำ และหน่วยประมวลผล ในการทำงานของคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องมีการดำเนินงานกับอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็น ดังนั้นจึงต้องมีซอฟต์แวร์ระบบเพื่อใช้ในการจัดการระบบ หน้าที่หลักของซอฟต์แวร์ระบบประกอบด้วย

 

    • ใช้ในการจัดการหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออก เช่น รับการกดแป้นต่าง ๆ บนแผงแป้นอักขระ ส่งรหัสตัวอักษรออกทางจอภาพหรือเครื่องพิมพ์ ติดต่อกับอุปกรณ์รับเข้า และส่งออกอื่น ๆ เช่น เมาส์ อุปกรณ์สังเคราะห์เสียง
    • ใช้ในการจัดการหน่วยความจำ เพื่อนำข้อมูลจากแผ่นบันทึกมาบรรจุยังหน่วยความจำหลัก หรือในทำนองกลับกัน คือนำข้อมูลจากหน่วยความจำหลักมาเก็บไว้ในแผ่นบันทึก
    • ใช้เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่น การขอดูรายการสารบบในแผ่นบันทึก การทำสำเนาแฟ้มข้อมูล

ซอฟต์แวร์ระบบพื้นฐานที่เห็นกันทั่วไป แบ่งออกเป็นระบบปฏิบัติการ และตัวแปลภาษา ซอฟต์แวร์ทั่งสองประเภทนี้ทำให้เกิดพัฒนาการประยุกต์ใช้งานได้ง่ายขึ้น

 

  • ระบบปฏิบัติการระบบปฏิบัติการ หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า โอเอส (Operating System : OS) เป็นซอฟต์แวร์ใช้ในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการนี้ ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันมากและเป็นที่รู้จักกันดีเช่นดอส (Disk Operating System : DOS) วินโดวส์ (Windows) โอเอสทู (OS/2) ยูนิกซ์ (UNIX)1) ดอส เป็นซอฟต์แวร์จัดระบบงานที่พัฒนามานานแล้ว การใช้งานจึงใช้คำสั่งเป็นตัวอักษร ดอสเป็นซอฟต์แวร์ที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ใช้ไมโครคอมพิวเตอร์2) วินโดวส์ เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาต่อจากดอส เพื่อเน้นการใช้งานที่ง่ายขึ้น สามารถทำงานหลายงานพร้อมกันได้ โดยงานแต่ละงานจะอยู่ในกรอบช่องหน้าต่างที่แสดงผลบนจอภาพ การใช้งานเน้นรูปแบบกราฟิก ผู้ใช้งานสามารถใช้เมาส์เลื่อนตัวชี้ตำแหน่งเพื่อเลือกตำแหน่งที่ปรากฏบนจอภาพ ทำให้ใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ง่าย วินโดวส์จึงได้รับความนิยมในปัจจุบัน3) โอเอสทู เป็นระบบปฏิบัติการแบบเดียวกับวินโดว์ส แต่บริษัทผู้พัฒนาคือ บริษัทไอบีเอ็ม เป็นระบบปฏิบัติการที่ให้ผู้ใช้สามารถใช้ทำงานได้หลายงานพร้อมกัน และการใช้งานก็เป็นแบบกราฟิกเช่นเดียวกับวินโดวส์4) ยูนิกซ์ เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนามาตั้งแต่ครั้งใช้กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ ระบบปฎิบัติการยูนิกซ์เป็นระบบปฏิบัติการที่สามารถใช้งานได้หลายงานพร้อมกัน และทำงานได้หลาย ๆ งานในเวลาเดียวกัน ยูนิกซ์จึงใช้ได้กับเครื่องที่เชื่อมโยงและต่อกับเครื่อปลายทางได้หลายเครื่องพร้อมกันระบบปฏิบัติการยังมีอีกมาก โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกันเป็นระบบ เช่น ระบบปฏิบัติการเน็ตแวร์ วินโดว์สเอ็นที

     

  • ตัวแปลภาษาในการพัฒนาซอฟต์แวร์จำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการแปลภาษาระดับสูง เพื่อแปลภาษาระดับสูงให้เป็นภาษาเครื่อง ภาษาระดับสูงมีหลายภาษา ภาษาระดับสูงเหล่านี้สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เขียนโปรแกรมเขียนชุดคำสั่งได้ง่าย เข้าใจได้ ตลอดจนถึงสามารถปรับปรุงแก้ไขซอฟต์แวร์ในภายหลังได้ภาษาระดับสูงที่พัฒนาขึ้นมาทุกภาษาจะต้องมีตัวแปลภาษาสำหรับแปลภาษา ภาษาระดับสูงซึ่งเป็นที่รู้จักและนิยมกันมากในปัจจุบัน เช่น ภาษาปาสคาล ภาษาเบสิก ภาษาซี และภาษาโลโก1) ภาษาปาสคาล เป็นภาษาสั่งงานคอมพิวเตอร์ที่มีรูปแบบเป็นโครงสร้าง เขียนสั่งงานคอมพิวเตอร์เป็นกระบวนความ ผู้เขียนสามารถแบ่งแยกงานออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วมารวมกันเป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ได้2) ภาษาเบสิก เป็นภาษาที่มีรูปแบบคำสั่งไม่ยุ่งยาก สามารถเรียนรู้และเข้าใจได้ง่าย มีรูปแบบคำสั่งพื้นฐานที่สามารถนำมาเขียนเรียงต่อกันเป็นโปรแกรมได้3) ภาษาซี เป็นภาษาที่เหมาะสำหรับใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ ภาษาซีเป็นภาษาที่มีโครงสร้างคล่องตัวสำหรับการเขียนโปรแกรมหรือให้คอมพิวเตอร์ติดต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ4) ภาษาโลโก เป็นภาษาที่เหมาะสำหรับการเรียนรู้และเข้าใจหลักการโปรแกรมภาษาโลโกได้รับการพัฒนาสำหรับเด็กนอกจากภาษาที่กล่าวถึงแล้ว ยังมีภาษาคอมพิวเตอร์ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันอีกมากมายหลายภาษา เช่น ภาษาฟอร์แทรน ภาษาโคบอล ภาษาอาร์พีจี

ซอฟท์แวร์ประยุกต์

การที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการที่มีคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ทำให้มีการใช้งานคล่องตัวขึ้น จนในปัจจุบันสามารถนำคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ติดตัวไปใช้งานในที่ต่าง ๆ ได้สะดวกการใช้งานคอมพิวเตอร์ต้องมีซอฟตืแวร์ประยุกต์ ซึ่งอาจเป็นซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีผู้พัฒนาเพื่อใช้งานทั่วไปทำให้ทำงานได้สะดวกขึ้น หรืออาจเป็นซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะ ซึ่งผู้ใช้เป็นผู้พัฒนาขึ้นเองเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการทำงานของตน

  • ซอฟต์แวร์สำเร็จในบรรดาซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่มีใช้กันทั่วไป ซอฟต์แวร์สำเร็จ (package) เป็นซอฟต์แวร์ที่มีความนิยมใช้กันสูงมาก ซอฟต์แวร์สำเร็จเป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทพัฒนาขึ้น แล้วนำออกมาจำหน่าย เพื่อให้ผู้ใช้งานซื้อไปใช้ได้โดยตรง ไม่ต้องเสียเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์อีก ซอฟต์แวร์สำเร็จที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป และเป็นที่นิยมของผู้ใช้มี 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ซอฟต์แวร์ประมวลคำ (word processing software) ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน (spread sheet software) ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล (data base management software) ซอฟต์แวร์นำเสนอ (presentation software) และซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล (data communication software)1) ซอฟต์แวร์ประมวลคำ เป็นซอฟต์แวร์ประยุกต์ใช้สำหรับการพิมพ์เอกสาร สามารถแก้ไข เพิ่ม แทรก ลบ และจัดรูปแบบเอกสารได้อย่างดี เอกสารที่พิมพ์ไว้จัดเป็นแฟ้มข้อมูล เรียกมาพิมพ์หรือแก้ไขใหม่ได้ การพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ก็มีรูปแบบตัวอักษรให้เลือกหลายรูปแบบ เอกสารจึงดูเรียบร้อยสวยงาม ปัจจุบันมีการเพิ่มขีดความสามารถของซอฟต์แวร์ประมวลคำอีกมากมาย ซอฟต์แวร์ประมวลคำที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน เช่น วินส์เวิร์ด จุฬาจารึก โลตัสเอมิโปร2) ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการคิดคำนวณ การทำงานของซอฟต์แวร์ตารางทำงาน ใช้หลักการเสมือนมีโต๊ะทำงานที่มีกระดาษขนาดใหญ่วางไว้ มีเครื่องมือคล้ายปากกา ยางลบ และเครื่องคำนวณเตรียมไว้ให้เสร็จ บนกระดาษมีช่องให้ใส่ตัวเลข ข้อความหรือสูตร สามารถสั่งให้คำนวณตามสูตรหรือเงื่อนไขที่กำหนด ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ตารางทำงานสามารถประยุกต์ใช้งานประมวลผลตัวเลขอื่น ๆ ได้กว้างขวาง ซอฟต์แวร์ตารางทำงานที่นิยมใช้ เช่น เอกเซล โลตัส3) ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูล การใช้คอมพิวเตอร์อย่างหนึ่งคือการใช้เก็บข้อมูล และจัดการกับข้อมูลที่จัดเก็บในคอมพิวเตอร์ จึงจำเป็นต้องมีซอฟต์แวร์จัดการข้อมูล การรวบรวมข้อมูลหลาย ๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกันไว้ในคอมพิวเตอร์ เราก็เรียกว่าฐานข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลจึงหมายถึงซอฟต์แวร์ที่ช่วยในการเก็บ การเรียกค้นมาใช้งาน การทำรายงาน การสรุปผลจากข้อมูล ซอฟต์แวร์จัดการฐานข้อมูลที่นิยมใช้ เช่น เอกเซส ดีเบส พาราด็อก ฟ๊อกเบส4) ซอฟต์แวร์นำเสนอ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับนำเสนอข้อมูล การแสดงผลต้องสามารถดึงดูดความสนใจ ซอฟต์แวร์เหล่านี้จึงเป็นซอฟต์แวร์ที่นอกจากสามารถแสดงข้อความในลักษณะที่จะสื่อความหมายได้ง่ายแล้วจะต้องสร้างแผนภูมิ กราฟ และรูปภาพได้ ตัวอย่างของซอฟต์แวร์นำเสนอ เช่น เพาเวอร์พอยต์ โลตัสฟรีแลนซ์ ฮาร์วาร์ดกราฟิก5) ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูล ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูลนี้หมายถึงซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้ไมโครคอมพิวเตอร์ติดต่อสื่อสารกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นในที่ห่างไกล โดยผ่านทางสายโทรศัพท์ ซอฟต์แวร์สื่อสารใช้เชื่อมโยงต่อเข้ากับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถใช้บริการอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ สามารถใช้รับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ ใช้โอนย้ายแฟ้มข้อมูล ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูล อ่านข่าวสาร นอกจากนี้ยังใช้ในการเชื่อมเข้าหามินิคอมพิวเตอร์หรือเมนเฟรม เพื่อเรียกใช้งานจากเครื่องเหล่านั้นได้ ซอฟต์แวร์สื่อสารข้อมูลที่นิยมมีมากมายหลายซอฟต์แวร์ เช่น โปรคอม ครอสทอล์ค เทลิก

     

  • ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะการประยุกต์ใช้งานด้วยซอฟต์แวร์สำเร็จมักจะเน้นการใช้งานทั่วไป แต่อาจจะนำมาประยุกต์โดยตรงกับงานทางธุรกิจบางอย่างไม่ได้ เช่นในกิจการธนาคาร มีการฝากถอนเงิน งานทางด้านบัญชี หรือในห้างสรรพสินค้าก็มีงานการขายสินค้า การออกใบเสร็จรับเงิน การควบคุมสินค้าคงคลัง ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะสำหรับงานแต่ละประเภทให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้แต่ละรายซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะมักเป็นซอฟต์แวร์ที่ผู้พัฒนาต้องเข้าไปศึกษารูปแบบการทำงานหรือความต้องการของธุรกิจนั้น ๆ แล้วจัดทำขึ้น โดยทั่วไปจะเป็นซอฟต์แวร์ที่มีหลายส่วนรวมกันเพื่อร่วมกันทำงาน ซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะที่ใช้กันในทางธุรกิจ เช่น ระบบงานทางด้านบัญชี ระบบงานจัดจำหน่าย ระบบงานในโรงงานอุตสาหกรรม บริหารการเงิน และการเช่าซื้อความต้องการของการใช้คอมพิวเตอร์ในงานทางธุรกิจยังมีอีกมาก ดังนั้นจึงต้องมีความต้องการผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้งานเฉพาะต่าง ๆ อีกมากมาย

รูปภาพ

 

แผ่นดิสก์ (Disk) หรือที่มักเรียกกันว่า แผ่นดิสก์เก็ต หรือ ฟลอบบี้ดิสก์ เป็นอุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลที่อาศัยหลักการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็ก  มีขนาดโดยทั่วไป คือ 8 นิ้ว 5.25 นิ้ว และ 3.5 นิ้ว คะ  (ดิสก์ 8 นิ้ว และ 5.25 นิ้วปัจจุบันไม่มีการนำมาใช้งานแล้ว ส่วนดิสก์ 3.5 นิ้วปัจจุบันยังมีการใช้งานอยู่บ้าง แต่ก็กำลังจะหมดความนิยมไปในที่สุด เพราะมีอุปกรณ์เก็บข้อมูลชนิดอื่นที่จุได้มากกว่า เช่น ซีดี ดีวีดี เข้ามาแทนที่คะ)

รูปภาพ

 

 Floppy Disk (ฟลอปปี้ดิสก์  )
      หรือที่นิยมเรียกว่า ดิสก์เก็ต (Diskette) มี ลักษณะเป็นแผ่นแม่เหล็กสีดำทรงกลม ทำจากแผ่นพลาสติกไมล่า เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก บรรจุอยู่ในซองพลาสติกแข็งรูปสี่เหลี่ยม เพื่อป้องกันแผ่นดิสก์เก็ต จากฝุ่นละออง สิ่งสกปรก การขูดขีด และอื่นๆแผ่นดิสก์เก็ตมีอยู่ 2 ขนาด คือ ขนาด 3.50 นิ้ว กับขนาด 5.25 นิ้ว แผ่นดิสก์เก็ตที่นิยมใช้อยู่ในปัจจุบันจะเป็นขนาด 3.50 นิ้ว ซึ่งมีความจุในการเก็บข้อมูลเท่ากับ 1.44 MB สำหรับแผ่นดิสก์เก็ต ขนาด 5.25 นิ้วนั้นปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม เพราะมีขนาดใหญ่ พกพาไม่สะดวก และมีความจุข้อมูล 1.2 MB ซึ่งน้อยกว่าแผ่น 3.50 นิ้วที่มุมด้านหนึ่งของดิสก์เก็ตจะมีกลไกป้องกันการบันทึกข้อมูลลงไปทับข้อมูลเดิม (Write-protect) ซึ่งในแผ่นดิสก์เก็ต 5.25 นิ้ว จะทำเป็นรอยบาก ถ้ามีแถบปิดรอยบากนี้แผ่นนั้นก็จะบันทึกไม่ได้ ส่วนในแผ่นดิสก์เก็ต 3.5 นิ้ว จะใช้สลักที่เลื่อนไปมาได้สำหรับปิดรูที่เจาะไว้ ถ้ารูที่เจาะไว้ถูกปิดก็จะบันทึกข้อมูลได้ แต่ถ้าเปิดเป็นช่องก็จะบันทึกไม่ได้ (ตรงข้ามกับแบบ 5.25 นิ้ว)คอมพิวเตอร์สามารถอ่านข้อมูลจากแผ่นดิสก์เก็ต ได้ โดยการสอดแผ่นเข้าไปใน เครื่องขับดิสก์ หรือ ดิสก์ไดร์ฟ (Disk Drive) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับอ่านและเขียนข้อมูลลงบนแผ่นดิสก์เก็ต ซึ่งโดยปกติดิสก์ไดร์ฟจะถูกกำหนดให้เป็น ไดร์ฟ A: หรือ ไดร์ฟ B: 
ข้อดีและข้อจำกัดของแผ่นดิสก์เก็ต
ข้อดี 
1.       สามารถนำข้อมูลไปใช้ในคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ง่าย 
2.       สามารถพกพาได้สะดวก 
ข้อจำกัด 
1.       เก็บข้อมูลได้ไม่เกิน 1.44 MB ต่อหนึ่งแผ่น 
2.       ข้อมูลในแผ่นอาจสูญหายได้ง่ายถ้าใช้งานไม่ถูกวิธี 

ฟล็อปปี้ดิสก์เป็นอุปกรณ์เก่าแก่ที่มีมานานับสิบปี ตั้งแต่ก่อนยุคของพีซี เริ่มจากขนาด 8 นิ้ว กลายมาเป็น 5.25 นิ้ว และในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่ 3.5 นิ้ว ความจุก็ได้เพิ่มจากไม่กี่ร้อยกิโลไบต์มาเป็น 1.44 และ 2.88 เมกะ ไบต์ในปัจจุบัน สมัยก่อนโปรแกรมมีขนาดไม่ใหญ่นัก ใช้เนื้อที่จุภายในดิสก์ไม่กี่กิโลไบต์ แต่ปัจจุบันข้อมูลมีปริมาณมากขึ้นพร้อม ๆ กับเทคโนโลยีมัลติมีเดีย เช่นไฟล์เพลง MP3 เพียง 1 เพลงก็มีขนาดมากกว่า 3 เมกะ ไบต์แล้ว ทำให้ความจุของดิสก์ไม่เพียงพอกับความต้องการในปัจจุบัน แต่ฟล็อปปี้ดิสก์ก็ยังคงเป็นมาตรฐานหนึ่งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง ต้องมี การพัฒนาฟล็อปปี้ดิสก์ก็ไม่ได้หยุดยั้งไปเสียทีเดียว ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ระบบ   optical ทำให้สามารถขยายความจุไปได้ถึง 120 เมกะไบต์ต่อแผ่น
1.1       ระบบการทำงานของฟล็อปปี้ดิสก์
         กลไกการทำงานของฟล็อปปี้ดิสก์จะค่อนข้างง่ายเมื่อเทียบกับฮาร์ดดิสก์ โดยตัวจานหมุนจะเป็นวัสดุที่อ่อนนิ่ม เช่น ไมลาร์(Mylar) ที่เป็นพลาสติกสังเคราะห์เคลือบสารแม่เหล็กเอาไว้ ในดิสก์ 1 แผ่น จะมีจานเดียว หัวอ่านจะเลื่อนเข้าไปอ่านข้อมูล เริ่มแรกสามารถอ่านข้อมูลได้เพียงด้านเดียว ต่อมามีการพัฒนาให้สามารถอ่านข้อมูลได้ทั้ง 2 ด้าน เรียกว่า Double-sided  หัวอ่านจะสัมผัสกับแผ่นดิสก์โดยตรง ทำให้ต้องใช้ความเร็วหมุนจานที่ต่ำ คือประมาณ 300 รอบต่อนาทีเท่านั้น (เทียบกับ 7200 รอบต่อนาทีที่เป็นมาตรฐานของฮาร์ดดิสก์ในปัจจุบัน) และ เนื่องจากหัวอ่านสัมผัสกับแผ่นดิสก์โดยตรง ทำให้แผ่นมีการสึกหรอได้ง่าย เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลจะมีการส่งสัญญาณไปเปลี่ยนแปลงค่าสนามแม่เหล็ก ที่หัวอ่าน 
         1.2     ความจุของฟล็อปปี้ดิสก์แบบต่าง ๆ 
ขนาด แบบ ด้านที่บันทึก ความจุข้อมูล
5.25 นิ้ว Single sided-Double Density 1 160/180 KB
  Double sided-Double Density 2 320/360 KB
  HD(High Density) 2 1.2 MB
3.5 นิ้ว Double sided-Single Density 2 720 KB
  Double sided-High Density 2 1.44 MB
  Double sided-Quad Density 2 2.88 MB
3.5 นิ้ว Floptical Disk 2 120 MB
     เมื่อตัวไดรว์ของดิสก์อ่านข้อมูลได้แล้วจะทำการส่งต่อให้กับคอนโทรลเลอร์ควบคุมแบบอนุกรม(ทีละบิตต่อเนื่องกัน ต่างกับฮาร์ดดิสก์ที่ส่งแบบขนาน ทำให้ส่งข้อมูลได้ช้ามาก อัตราการส่งข้อมูลจะอยู่ในช่วง 0.5-1 เมกะไบต์ต่อวินาที ส่วนความเร็วในการค้นหาข้อมูลตกประมาณ 60-200 Millisecond) โดยส่งต่อข้อมูลให้ซีพียูด้วยการทำ DMA (Direct Memory Access) ขณะที่ฟล็อปปี้ไดรว์ทำงาน อุปกรณ์อื่น ๆ ต้องหยุดรอ ทำให้การทำงานของระบบเกือบจะหยุดชะงักไป 
     ที่มุมด้านหนึ่งของฟล็อปปี้ดิสก์จะมีกลไกป้องกันการเขียนทับข้อมูล (write-protect) หากเป็นแผ่น 5.25 นิ้ว จะเป็นรอยบากซึ่งหากปิดรอยนี้จะไม่สามารถเขียนข้อมูลได้ ต่างกับ ดิสก์ 3.5 นิ้ว ที่จะเป็นสลักพลาสติกเลื่อนไปมา หากเลื่อนเปิดเป็นช่องจะบันทึกไม่ได้
         1.3    .Floptical Disk
                    เป็นการนำเทคโนโลยีด้านแสงเข้ามาช่วยในการบันทึกข้อมูล แต่ไม่ได้ใช้แสงโดยตรง ลักษณะ Floptical disk จะมีรูปร่างเหมือนฟล็อปปี้ดิสก์ขนาด 3.5 นิ้วทุกประการ แต่มีความจุมากขึ้นเป็น 120 เมกะไบต์ทีเดียว และตัวไดรว์ยังใช้อ่านเขียนข้อมูลแผ่นดิสก์ธรรมดาได้ด้วย  ชื่อทางการค้าของ 
Floptical Drive
ที่เป็นที่รู้จักกันได้แก่ SuperDisk จากบริษัท Imation 
                    หลักการของ Floptical Drive อาศัยการบันทึกข้อมูลด้วยสนามแม่เหล็กเหมือนฟล็อปปี้ดิสก์ธรรมดา แต่ใช้กลไกการอ่านที่เรียกว่า optical servo (หรือบางทีเรียกว่า Laser servo)หรือวงจรเลื่อนตำแหน่งหัวอ่านควบคุมด้วยแสง ทำให้สามารถเลื่อนหัวอ่าน/เขียนได้ตรงกับแทรคที่มีความหนาแน่นกว่าดิสเก็ตธรรมดามาก เช่น ในดิสก์ธรรมดามี 80 แทรค 2480 sector แต่ใน Floptical disk จะมี ถึง 1,736 แทรค 245,760 sector ทำให้ได้ความจุรวมถึง 120 เมกะไบต์ต่อแผ่น Floptical disk หมุนด้วยความเร็ว 720 รอบต่อนาที และมีอัตรารับส่งข้อมูล ประมาณ 3.2-5.4 เมกะบิตต่อวินาที

ZIP drive ของ Iomega Jazz drive
                   นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีคล้ายกัน แต่รูปแบบต่างกันไป เช่น Zip Drive จาก Iomega ที่ออกมาก่อน Superdisk แต่ได้รับความนิยมมากพอสมควร Zip Drive มีทั้งรุ่นที่ต่อกับ Parallel port,USB port และแบบ SCSI และได้เพิ่มความจุจาก 100 เป็น 250 เมกะไบต์ Iomega ยังได้ผลิต Jaz Drive ที่มีลักษณะเหมือนฮาร์ดดิสก์ถอดได้ โดยจะมีตัวไดรว์เป็นระบบ SCSI เท่านั้น และมีแผ่นบรรจุข้อมูลขนาด 1 GB และ 2 GB นิยมใช้สำหรับการสำรองข้อมูลย้ายไปมา เนื่องจากมีความเร็วน้อยกว่าฮาร์ดดิสก์ และยังมีราคาแพงกว่า Zip หรือ Superdisk มาก

รูปภาพ

ดีวีดี จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ดีวีดี (DVD; Digital Versatile Disc) เป็นแผ่นข้อมูลแบบบันทึกด้วยแสง (optical disc) ที่ใช้บันทึกข้อมูลต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ โดยให้คุณภาพของภาพและเสียงที่ดี ดีวีดีถูกพัฒนามาใช้แทนซีดีรอม โดยใช้แผ่นที่มีขนาดเดียวกัน (เส้นผ่าศูนย์กลาง 12 เซนติเมตร) แต่ว่าใช้การบันทึกข้อมูลที่แตกต่างกัน และความละเอียดในการบันทึกที่หนาแน่นกว่า เดิมทีดีวีดีมาจากชื่อย่อว่า digital video disc แต่ในภายหลังผู้ผลิตบางรายเห็นว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็น digital versatile disc ปัจจุบันตามคำนิยามอย่างเป็นทางการแล้ว DVD ไม่ได้ย่อมาจากชื่อเต็มแต่อย่างใด เครื่องเขียนแผ่นดีวีดี (DVD Writer) คือ เครื่องสำหรับการบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นดีวีดี [แก้]คุณสมบัติของดีวีดี ​สามารถบันทึกข้อมูลวิดีโอที่ความละเอียดสูงได้ถึง 120 นาที การบีบอัดของวิดีโอในรูปแบบ MPEG-2 นั้นมีอัตราส่วนอยู่ที่ 4 : 0 : 1 สามารถมีเสียงในฟิล์มได้มากถึง 8 ภาษา โดยในแต่ละภาษาอาจจะเป็นระบบเสียงสเตอริโอ 2.0 ช่อง (รูปแบบ PCM) หรือ ระบบเสียงรอบทิศทาง (เช่น 4.0, 5.1, 6.1 ช่อง) ในรูปแบบ Dolby Digital (AC-3) หรือ Digital Theater System (DTS) มีคำบรรยาย (Subtitle) ได้มากสูงสุดถึง 32 ภาษา ภาพยนตร์ดีวีดีบางแผ่นนั้น สามารถเปลี่ยนมุมกล้องได้ด้วย (Multiangle) ทำภาพนิ่งได้สมบูรณ์เหมือนภาพสไลด์ ควบคุมระดับสิทธิการเล่น (Parental Lock) มีรหัสพื้นที่ใช้งานเฉพาะพื้นที่กำหนด (Regional Codes) [แก้]ประเภทของแผ่นดีวีดี ชนิดของแผ่นดีวีดีที่ใช้บันทึกนั้นมีอยู่ 6 ชนิด คือ DVD-R DVD+R DVD-RW DVD+RW DVD-R DL DVD+R DL และ DVD-RAM ข้อดีของ DVD-RW และ DVD+RW คือ สามารถนำกลับมาบันทึกใหม่ ได้กว่า 100,000 ครั้ง แต่ดีวีดีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันนี้คือ DVD-R ในการบันทึก DVD แต่ละชนิดนั้นไม่สามารถใช้งานข้ามชนิดได้ คือ ไม่สามารถใช้งานข้ามไดร์ฟได้ เช่น DVD-RW ไม่สามารถใช้งานในเครื่องบันทึก DVD+RW ได้ ต้องเขียนกับเครื่องบันทึก DVD-RW เท่านั้น ส่วนการอ่านข้อมูลใน DVD นั้น สามารถอ่านกับเครื่องไหนก็ได้ เช่น DVD+RW สามารถอ่านกับเครื่องเล่น DVD-RW ได้ ส่วน DVD-RAM เดี๋ยวนี้ไม่นิยมใช้แล้ว [แก้]โซนของแผ่นดีวีดี แผ่นดีวีดีที่ใช้บรรจุภาพยนตร์นั้น จะมีการบรรจุรหัสพื้นที่ใช้งานเฉพาะพื้นที่กำหนด (Regional Codes) หรือ โซน (Zone) เพื่อประโยชน์ในการควบคุมลิขสิทธิ์ ทั้งนี้ในแต่ละแผ่นจะบรรจุรหัสไว้อย่างน้อย 1 โซน สำหรับแผ่นที่สามารถใช้ได้กับทุกโซน (All Zone) นั้น จะบรรจุรหัสเป็น 1,2,3,4,5,6 นั่นเอง แผ่นพวกนี้ในบางครั้งนิยมเรียกว่าแผ่นโซน 0 โดยปกติเครื่องเล่นดีวีดี รวมถึงดีวีดีรอม ที่ผลิตในแต่ละประเทศ จะสามารถเล่นได้เฉพาะแผ่นที่ผลิตสำหรับโซนนั้นๆ และแผ่นที่ระบุเป็น All Zone เท่านั้น โซน พื้นที่ 1 สหรัฐอเมริกา, แคนาดา 2 ยุโรป, ญี่ปุ่น, แอฟริกาใต้, ตะวันออกกลาง รวมถึง อียิปต์ 3 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึง ประเทศไทย, เอเชียตะวันออก รวมถึง ฮ่องกง แต่ไม่รวม จีน 4 อเมริกากลาง, อเมริกาใต้, โอเชียเนีย 5 ยุโรปตะวันออก, รัสเซีย, เอเชียใต้, แอฟริกา, เกาหลีเหนือ, มองโกเลีย 6 จีน 7 สำรอง 8 ยานพาหนะระหว่างประเทศ เช่น เรือ, เครื่องบิน สำหรับโซน 2 (ยุโรป) อาจจะมีรหัสย่อยตั้งแต่ D1 จนถึง D4 โดย D1 คือจำหน่ายเฉพาะประเทศอังกฤษ, D2 และ D3 กำหนดว่าไม่จำหน่ายในอังกฤษและไอร์แลนด์ ส่วน D4 หมายถึงจำหน่ายได้ทั่วทั้งยุโรป ในหนึ่งแผ่นดีวีดีสามารถใส่รหัสโซนรวมกันได้หลายโซน โดยอาจมีรหัสโซน 3/6 เพื่อให้สามารถใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับจีน ออปติคอลดิสก์ (ดิสก์แสง) Laserdisc (1978) – Laserfilm (1984) – CD Video – VCD (1993) – DVD (1996) – DVD-Video (1996) – MiniDVD – CVD (1998) – SVCD (1998) – FMD (2000) – EVD (2003) – FVD (2005) – UMD (2005) – VMD (2006) – HD DVD (2006) – Blu-ray Disc (BD) (2006) – AVCHD (2006) – Tapestry Media (2007) – HVD (TBA) – PH-DVD (TBA) – Protein-coated disc (TBA) – Two-Photon 3-D (TBA)

รูปภาพ

 

บูกัตติ เวย์รอน (อังกฤษ: Bugatti Veyron) เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดยบูกัตติ[1] ซึ่งเป็นบริษัทในเครือโฟล์คสวาเก็น เป็นรถต้นแบบที่ออกแบบเมื่อปี พ.ศ. 2542 ใช้ชื่อว่า EB 18/4 “Veyron” เปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ที่งานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ออกแบบโดย Jozef Kaban[2] และเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลก เคยวิ่งเร็วได้ถึง 434.20 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ในรุ่น Super Sport) ลงบันทึกในกินเนสบุ๊ค ซึ่งเร็วกว่าเอสซีซีเอโร่ (SCC AERO) ที่ทำได้ 412.29 กิโลเมตร/ชั่วโมง (สำหรับเวย์รอนรุ่นแรกนั้นสร้างความเร็วสูงสุดได้ที่ 432 กิโลเมตร/ชั่วโมง) อัตราเร่งสูงสุด 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ด้วยเวลาที่น้อยกว่า 3 วินาที

รถคันนี้มีราคาสูงถึง 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 165 ล้านบาท เมื่อรวมภาษีนำเข้ารถยนต์อีกประมาณ 3 เท่าของราคารถตั้งต้น

ลักษณะทั่วไปของรถ [แก้]

ตัวรถออกแบบให้ใช้สองสี (Two Tone) ตัวถังโมโนค็อกทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ซับเฟรมทำด้วยอะลูมิเนียม เปลือกตัวถังทำจากอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ ใช้เครื่องยนต์ W16(16 สูบ) ทำด้วยอะลูมินัมอัลลอยมาใช้ เครื่องยนต์นี้เป็นเครื่อง V8 90 องศา 2 เครื่องวางขนานกัน กำลัง 1,001 แรงม้า หรือ 736 กิโลวัตต์ และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 128.0 กก.-ม ระบบเกียร์ 7 สปีด เปลี่ยนเกียร์แบบเรียงลำดับ [3]อัตราเร่ง 0-100 ใช้เวลาเพียงแค่ 2.2 วินาทีเท่านั้น

 

รูปภาพ

 

ดนตรี คือ เสียงที่จัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ และมีแบบแผนโครงสร้าง เป็นรูปแบบของกิจกรรมเชิงศิลปะของมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง โดยดนตรีนั้นแสดงออกมาในด้านระดับเสียง (ซึ่งรวมถึงท่วงทำนองและเสียงประสาน)จังหวะ และคุณภาพเสียง (ความต่อเนื่องของเสียง พื้นผิวของเสียง ความดังค่อย) ดนตรีนั้นสามารถใช้ในด้านศิลปะหรือสุนทรียศาสตร์ การสื่อสาร ความบันเทิง รวมถึงใช้ในงานพิธีการต่างๆ

    องค์ประกอบของดนตรี

 

    ประโยชน์ของเสียงดนตรี

  • พัฒนาความคิดสร้างสรรค์
  • พัฒนาด้านอารมณ์
  • พัฒนาด้านภาษา
  • พัฒนาด้านร่างกาย
  • พัฒนาด้านปัญญา
  • พัฒนาด้านความเป็นเอกบุคคล
  • พัฒนาด้านสุนทรีย์

 

 

รูปภาพ

สมัยนี้ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีพัฒนาไวเกินกว่าเราจะตามทันจริงๆ อย่างคอม PC เเค่ไม่กี่เดือนก็ตกรุ่น เเล้ว มีรุ่นใหม่
(ที่ดีกว่า เเละถูกกว่า) เข้ามาทดเเทนอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับมือถือที่ปีนึงออกมาไม่รู้กี่รุ่น  เเละลูกเล่นในตัวก็ถูกพัฒนาให้
รองรับอะไรใหม่ๆ หลายอย่างมากขึ้น วันนี้ผมจะนําอุปกรณ์ชนิดหนึ่งมาบอก เล่าเก้าสิบกันครับ นั่นก็คือ “Flash Drive”

 

 แฟลชไดร์ฟ ผมว่าน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะเป็นอุปกรณ์เล็กๆ ที่มีประโยชน์มากไม่เเพ้มือถือที่เราพกอยู่ ทุกวันนี้ โดยเฉพาะ
กลุ่มนักเรียน นักศึกษา คนทํางานจะต้องมีติดตัวไว้ ไม่จําเป็นต้องขนาดใหญ่ก็ได้ เเต่ข อให้เสียบคอมเเล้วใช้ได้ก็พอ ส่วนใคร
ที่ยังไม่รู้จักเจ้าอุปกรณ์เล็กๆ นี้ ลองอ่านต่อได้จ้า …

แฟลชไดร์ฟคืออะไร

Flash Drive หรือ Handy Drive , Thumb Drive , USB Drive คืออุปกรณ์หน่วยความจําที่สามารถเก็บข้อมูลไว้ภายในได้
(ใส้ในก็คือ  Flash Memory เล็กๆ) สามารถเขียน-ลบข้อมูลได้ไม่จํากัดจํานวนครั้ง โดยไม่ต้องใช้ไฟ เลี้ยงตลอดเวลา มีขนาด
เล็ก เบา พกพาง่าย ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเเบรนด์ ขนาดความจุ รูปร่างดี ไซน์ ตามงบประมาณเเละความชอบของผู้
ซื้อแฟลชไดร์ฟส่วนใหญ่จะต้องเชื่อมต่อกับช่อง USB ในคอม เพื่อใช้งานครับ

  ก่อนที่จะมีแฟลชไดร์ฟ หน่วยความจําที่ได้รับความนิยมในขณะนั้นคือ Floppy Disk 3.5  นิ้ว ซึ่งมีขนาดใหญ่ ความจุน้อยมากๆ
(1.44 MB) เเละต้องมีตัวอ่าน (Floppy Drive)  เเน่นอนว่า ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ ปัจจุบันคาดว่าไม่มีใครใช้งานเจ้าแผ่นสี่
เหลี่ยมๆนี้เเล้วล่ะครับ เพราะมี เจ้าแฟลชไดร์ฟเข้ามาทดเเทน เเน่นอนว่ามันใช้งานได้สะดวกกว่าของเดิมมากๆ

ใช้งานได้กับ

 แฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ต้องพึ่งแผ่นไดร์ฟเวอร์ในการใช้งาน เเม้ว่าเราจะใช้ OS ใดๆ ก็ตาม เพราะ เมื่อเราเสียบแฟลชไดร์ฟ
เข้าคอมไปเเล้ว ระบบจะสร้างข้อมูลเฉพาะของอุปกรณ์ขึ้นมา ถึงเราจะปิดเครื่องไป เเล้ว ข้อมูลนั้นก็ยังคงอยู่ ครั้งหน้าเมื่อเราจะใช้
งานก็เสียบเข้าไปได้เลย ขอเเค่เพียงว่า ช่อง USB ต้องใช้ งานได้ (เเละรองรับอุปกรณ์เรา) ก็เพียงพอละ


วิธีการใช้งาน

 วิธีการใช้งานแฟลชไดร์ฟเเสนจะง่ายครับ หลักๆ ก็คือ นําแฟลชไดร์ฟเข้าไปเสียบในช่อง USB เเล้วส ังเกตที่ Desktop จะมีการ
ตรวจพบแฟลชไดร์ฟที่เราเสียบเข้าไป จากนั้นก็ใช้งานได้โดยเข้าผ่านทาง  My Computer ถ้าหากเสียบเเล้วไม่ขึ้น ให้สันนิษฐาน
ได้ 3 อย่างครับคือ ช่อง USB ไม่รองรับ  (ส่วนมากจะเป็นกับคอมรุ่นเก่าพระเจ้าเหา), แฟลชไดร์ฟเรามีปัญหาซะเอง ซึ่งต้องลองเช็ค
ดูหลายๆ เครื่อง  เเละสุดท้ายคือ ตัวเครื่องขึ้นเเบบว่า USB not recognised งี้ ก็ลองเปลี่ยนช่องเสียบดูครับ

[Corsair Voyager GT 128GB]


ความจุ

 อุปกรณ์เล็กๆ นี้ ที่ได้รับความนิยมก็เพราะความจุรุ่นเเรกๆ ก็สูงกว่าแผ่น Floppy หลายเท่าเเล้ว เเละ สามารถเขียนลบข้อมูลได้
สบายๆ โดยปัจจุบันมีความจุมาตรฐานอยู่ที่ 1GB ครับ ซึ่งมากพอที่จะเก็บเพลง ได้ถึง 300 เพลง (เเบบ MP3, 128 KBPS) เเบบ
สบายๆ เเละความจุระดับอื่นๆ ที่เรา สามารถเลือกซื้อได้มีดังนี้


2GB
 – ความจุระดับนี้ จะกลายเป็นมาตรฐานในไม่ช้านี้ เพราะราคาปัจจุบันค่อนข้างถูก เเละตัว 1GB  เดิม ก็เริ่มหายากซะเเล้ว
ราคาขายตามร้านไอทีทั่วไป อยู่ราวๆ 200 บาท

4GB – เขยิบงบขึ้นมาอีกหน่อย คุณจะได้ความจุที่มากกว่า เเละความจุระดับนี้ พอที่จะใส่หนังระดับ  VCD ได้มากถึง 5-6 แผ่น
เเละใส่ข้อมูลต่างๆ เช่นเพลง MP3 ได้ถึง 1200 เพลง ปัจจุบันหาซื้อ ง่ายๆ ในราคาประมาณ 300 บาทเท่านั้น !!

8GB – ความจุระดับนี้พอที่จะจุแผ่น DVD (4.7GB) ได้สบายๆ เเละเหลือพอที่จะเอาเพลงเข้า ไปได้อีกราวๆ 1000 เพลง สําหรับ
การใช้งานทั่วไป ผมคิดว่า 8GB น่าจะเพียงพอเเล้ว ซึ่งราคาตอนนี้ไม่ถึง 600 บาทละครับ

        

 

16,32,64GB – แฟลชไดร์ฟที่ความจุสูงกว่า 8GB เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่ชอบเก็บข้อมูลจํานวน มหาศาลไว้ในแฟลชไดร์ฟ อย่าง
พวกหนังระดับ HD, เพลงบิตเรทสูงๆ หรืออื่นๆ ซึ่งราคาจะเเพงตาม ความจุที่สูงขึ้น เท่าที่ผมเห็น 64GB ราคาจะอยู่ 4 พันบาท
ปลายๆ ผมว่าน้อยคนนะ ที่จะซื้อความจุสูง เเบบนั้น


128,256GB
 – ปัจจุบันแฟลชไดร์ฟอันเล็กๆ นี้ มีความจุสูงสุดที่ 256GB ครับ เท่ากับ HDD  มาตรฐานที่ใช้ใน NB ตอนนี้เลยล่ะ
เเต่ราคาขายเนื่ย ซื้ดดดด … ราวๆ 3 หมื่นกว่าบาทเท่านั้นเอง  อิอิ


เลือกเเบรนด์อะไรดี

 อุปกรณ์เล็กๆ ที่ว่านี้มีให้เลือกหลายเเบบ หลายขนาด ตามความชอบของผู้ซื้อ เเต่เราจะเลือกเเบรนด์ไหนดี ล่ะ เเบรนด์ชั้นนํา
ในตลาดตอนนี้มีอยู่ 3 เเบรนด์ครับคือ Kingston, Sandisk เเละ  Apacer ส่วนเเบรนด์อื่นๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีเเต่อย่างใด
(เพียงเเต่ไม่ค่อยได้ยินชื่อสักเท่า ไหร่) อย่าง Kingmax, A-Data, ฯลฯ ทุกเเบรนด์ราคาจะเหลื่อมลํ้ากันอยู่นิดหน่อย  ประมาณ
10-30 บาท เเล้วเเต่รุ่น ความจุ เเละการตั้งราคาของร้านค้า

[ วอยด์ของ Synnex ]

[ วอยด์ของ Ingram Micro ]

เลือกซื้ออย่างไร 

 การเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟ ส่วนใหญ่เเล้วไม่น่ากังวลเท่าใดนัก เพราะหลักๆ เเล้วเเค่เสียบติด ถ่ายโอนข้อมูล ได้ก็โอเคเเล้ว เเต่ที่น่าสนใจก็คือ ประกันจากตัวเเทนจําหน่ายต่างๆ เช่น DCom, Synnex,  Ingram, ฯลฯ ส่วนใหญ่จะรับประกัน 5 ปี-Lifetime เมื่อเสียขึ้นมาก็เอาไปเคลมได้ครับ  เเต่ต้องเก็บซองที่มีวอยของตัวเเทนจําหน่ายไว้นะครับ ส่วนที่เคลมนั้น จะเคลมผ่านศูนย์ของตัวเเทนจําหน่าย  หรือดีลเลอร์ ร้านค้าที่เราซื้อมาก็ได้เช่นกัน (ตาม ตจว. อาจจะช้านิดนึง)

[ ด้านซ้าย ของปลอมนะจ๊ะ ]

ระวังของปลอม

 ของขายดีมักจะมีของละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ประจําครับ เช่นเดียวกับแฟลชไดร์ฟ ที่มีการลอกเลียนเเบบกันเเนบ เนียน ชนิดว่าต้องดู
ให้ละเอียดๆ ถึงจะรู้ เเบรนด์ที่โดนกันมากสุดไม่พ้น Kingston เจ้าเก่า โดนปลอม เป็น Kingstom บ้าง เเบรนด์ท่านเปาบ้างงี้ เเต่ก็มี
ผู้ใช้ออกมาให้ข้อมูล เทียบกับของจริงว่าเป็นอย่าง ไร  ผมว่าเวลาซื้อ ควรจะซื้อที่ร้านไอทีใหญ่ๆ หรือไว้ใจได้ ที่บรรจุภัณฑ์จะต้องมี
วอยของตัวเเทนจําหน่าย  (American Best, Synnex, Ingram Micro เเละ Silicon) เเละ ควรจะตรวจสอบราคากลางมาก่อนซื้อด้วยล่ะ

 เวปไซต์ของคิงส์ตันมีให้เช็ค Code ด้วยว่า เป็นของเเท้หรือไม่ ? ลองเข้าไปกรอกข้อมูลได้ ที่นี่  เเละเวปไซต์ต่างๆ ที่ให้ข้อมูลของ
เทียม-เเท้ [ 123 ]

แฟลชไดร์ฟเเบบอื่นๆ

 เดี๋ยวนี้หน่วยความจําพกพาไม่ได้มีเฉพาะเเบบเเท่งๆ อีกต่อไปเเล้ว ผู้ผลิตหลายๆ เจ้าได้พัฒนาแฟลชไดร์ฟธรรมดาๆ ให้เป็นรูปร่าง
ต่างๆ น่ารักๆ อย่างเช่น แฮมเบอร์เกอร์, หัวใจ, นกเพนกวิน ซึ่งจะใช้เป็นพวงกุญเเจ หรือจะซื้อมาตั้งโชว์ก็ถือว่าโอเคเลยล่ะ

 ส่วนอีกเเบบที่เป็นที่นิยมไม่เเพ้ก็คือ MP3 ในตัว บางเเบรนด์ทํา MP3 ออกมาให้ USB อยู่ที่ตัวเครื่องเลย ทําให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน
ถ่ายโอนข้อมูล เเละใช้ฟังเพลง MP3 ได้ด้วย สะดวกทีเดียวครับ เเต่ความจุจะไม่มากนัก ประมาณ 2GB ก็เฉียดๆ 2 พันบาทละครับ


ไม่เอาแฟลชไดร์ฟ เเล้วจะเลือกอะไรดี

 หากคุณต้องการที่จะเก็บข้อมูลต่างๆ เป็นจํานวนมาก เเต่แฟลชไดร์ฟความจุตั้งเเต่ 32GB ขึ้นไปยัง ราคาสูงอยู่ ดังนั้น จึงมีทางเลือก
อื่นๆ ให้เลือกครับคือ Potable HDD. หรือฮาร์ดดิสก์เบบพกพา  ขนาดเเม้จะใหญ่กว่ามากพอสมควร เเต่ก็พกพาได้ เเละใช้การเชื่อมต่อ
ด้วย USB เช่นเดียวกัน ข้อดีคือ  ขนาดความจุสูง เเละราคาไม่เเพงมากนัก อย่าง 160GB ราคาไม่ถึง 2000 บาท เท่านั้นเอง ถูกกว่า
แฟลชไดร์ฟความจุเดียวกันหลายเท่าเลยล่ะครับ

จําเป็นมั้ย ที่ต้องซื้อแฟลชไดร์ฟ

 จะถามว่า อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ นี้จําเป็นสําหรับชีวิตประจําวันหรือไม่ ? ถ้าคุณทํางาน เรียนหนังสือ ใช้งาน คอมพิวเตอร์บ่อยๆ เเน่นอนว่า
ควรจะต้องซื้อเอามาใช้เก็บข้อมูลต่างๆ ที่จําเป็น เเต่ถ้าไม่ค่อยได้เเตะคอม เเล้วล่ะก็ อาจจะไม่ต้องซื้อก็ได้ครับ

 ส่วนขนาดการใช้งาน ความจุที่เหมาะสมในการใช้งานส่วนใหญ่จะอยู่ราวๆ 1-4GB ซึ่งเพียงพอกับการ เก็บข้อมูลทั่วๆ ไปอย่างเช่น เอกสาร
ต่างๆ, รูปภาพ, เพลง, หนัง, ฯลฯ ถ้าเกินกว่านั้นจะค่อนข้าง เหมาะกับกลุ่มที่ใช้งานหนักๆ มากกว่า อย่างเช่น ห้างร้านบริษัทที่ต้องเก็บข้อมูล
ไว้เยอะๆ หรือผู้ใช้ที่ชอบเก็บ สื่อคุณภาพสูงๆ

รูปภาพ

สมัยนี้ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีพัฒนาไวเกินกว่าเราจะตามทันจริงๆ อย่างคอม PC เเค่ไม่กี่เดือนก็ตกรุ่น เเล้ว มีรุ่นใหม่
(ที่ดีกว่า เเละถูกกว่า) เข้ามาทดเเทนอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับมือถือที่ปีนึงออกมาไม่รู้กี่รุ่น  เเละลูกเล่นในตัวก็ถูกพัฒนาให้
รองรับอะไรใหม่ๆ หลายอย่างมากขึ้น วันนี้ผมจะนําอุปกรณ์ชนิดหนึ่งมาบอก เล่าเก้าสิบกันครับ นั่นก็คือ “Flash Drive”

 

 แฟลชไดร์ฟ ผมว่าน้อยคนที่จะไม่รู้จัก เพราะเป็นอุปกรณ์เล็กๆ ที่มีประโยชน์มากไม่เเพ้มือถือที่เราพกอยู่ ทุกวันนี้ โดยเฉพาะ
กลุ่มนักเรียน นักศึกษา คนทํางานจะต้องมีติดตัวไว้ ไม่จําเป็นต้องขนาดใหญ่ก็ได้ เเต่ข อให้เสียบคอมเเล้วใช้ได้ก็พอ ส่วนใคร
ที่ยังไม่รู้จักเจ้าอุปกรณ์เล็กๆ นี้ ลองอ่านต่อได้จ้า …

แฟลชไดร์ฟคืออะไร

Flash Drive หรือ Handy Drive , Thumb Drive , USB Drive คืออุปกรณ์หน่วยความจําที่สามารถเก็บข้อมูลไว้ภายในได้
(ใส้ในก็คือ  Flash Memory เล็กๆ) สามารถเขียน-ลบข้อมูลได้ไม่จํากัดจํานวนครั้ง โดยไม่ต้องใช้ไฟ เลี้ยงตลอดเวลา มีขนาด
เล็ก เบา พกพาง่าย ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งเเบรนด์ ขนาดความจุ รูปร่างดี ไซน์ ตามงบประมาณเเละความชอบของผู้
ซื้อแฟลชไดร์ฟส่วนใหญ่จะต้องเชื่อมต่อกับช่อง USB ในคอม เพื่อใช้งานครับ

  ก่อนที่จะมีแฟลชไดร์ฟ หน่วยความจําที่ได้รับความนิยมในขณะนั้นคือ Floppy Disk 3.5  นิ้ว ซึ่งมีขนาดใหญ่ ความจุน้อยมากๆ
(1.44 MB) เเละต้องมีตัวอ่าน (Floppy Drive)  เเน่นอนว่า ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ ปัจจุบันคาดว่าไม่มีใครใช้งานเจ้าแผ่นสี่
เหลี่ยมๆนี้เเล้วล่ะครับ เพราะมี เจ้าแฟลชไดร์ฟเข้ามาทดเเทน เเน่นอนว่ามันใช้งานได้สะดวกกว่าของเดิมมากๆ

ใช้งานได้กับ

 แฟลชไดร์ฟเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ต้องพึ่งแผ่นไดร์ฟเวอร์ในการใช้งาน เเม้ว่าเราจะใช้ OS ใดๆ ก็ตาม เพราะ เมื่อเราเสียบแฟลชไดร์ฟ
เข้าคอมไปเเล้ว ระบบจะสร้างข้อมูลเฉพาะของอุปกรณ์ขึ้นมา ถึงเราจะปิดเครื่องไป เเล้ว ข้อมูลนั้นก็ยังคงอยู่ ครั้งหน้าเมื่อเราจะใช้
งานก็เสียบเข้าไปได้เลย ขอเเค่เพียงว่า ช่อง USB ต้องใช้ งานได้ (เเละรองรับอุปกรณ์เรา) ก็เพียงพอละ


วิธีการใช้งาน

 วิธีการใช้งานแฟลชไดร์ฟเเสนจะง่ายครับ หลักๆ ก็คือ นําแฟลชไดร์ฟเข้าไปเสียบในช่อง USB เเล้วส ังเกตที่ Desktop จะมีการ
ตรวจพบแฟลชไดร์ฟที่เราเสียบเข้าไป จากนั้นก็ใช้งานได้โดยเข้าผ่านทาง  My Computer ถ้าหากเสียบเเล้วไม่ขึ้น ให้สันนิษฐาน
ได้ 3 อย่างครับคือ ช่อง USB ไม่รองรับ  (ส่วนมากจะเป็นกับคอมรุ่นเก่าพระเจ้าเหา), แฟลชไดร์ฟเรามีปัญหาซะเอง ซึ่งต้องลองเช็ค
ดูหลายๆ เครื่อง  เเละสุดท้ายคือ ตัวเครื่องขึ้นเเบบว่า USB not recognised งี้ ก็ลองเปลี่ยนช่องเสียบดูครับ

[Corsair Voyager GT 128GB]


ความจุ

 อุปกรณ์เล็กๆ นี้ ที่ได้รับความนิยมก็เพราะความจุรุ่นเเรกๆ ก็สูงกว่าแผ่น Floppy หลายเท่าเเล้ว เเละ สามารถเขียนลบข้อมูลได้
สบายๆ โดยปัจจุบันมีความจุมาตรฐานอยู่ที่ 1GB ครับ ซึ่งมากพอที่จะเก็บเพลง ได้ถึง 300 เพลง (เเบบ MP3, 128 KBPS) เเบบ
สบายๆ เเละความจุระดับอื่นๆ ที่เรา สามารถเลือกซื้อได้มีดังนี้


2GB
 – ความจุระดับนี้ จะกลายเป็นมาตรฐานในไม่ช้านี้ เพราะราคาปัจจุบันค่อนข้างถูก เเละตัว 1GB  เดิม ก็เริ่มหายากซะเเล้ว
ราคาขายตามร้านไอทีทั่วไป อยู่ราวๆ 200 บาท

4GB – เขยิบงบขึ้นมาอีกหน่อย คุณจะได้ความจุที่มากกว่า เเละความจุระดับนี้ พอที่จะใส่หนังระดับ  VCD ได้มากถึง 5-6 แผ่น
เเละใส่ข้อมูลต่างๆ เช่นเพลง MP3 ได้ถึง 1200 เพลง ปัจจุบันหาซื้อ ง่ายๆ ในราคาประมาณ 300 บาทเท่านั้น !!

8GB – ความจุระดับนี้พอที่จะจุแผ่น DVD (4.7GB) ได้สบายๆ เเละเหลือพอที่จะเอาเพลงเข้า ไปได้อีกราวๆ 1000 เพลง สําหรับ
การใช้งานทั่วไป ผมคิดว่า 8GB น่าจะเพียงพอเเล้ว ซึ่งราคาตอนนี้ไม่ถึง 600 บาทละครับ

        

 

16,32,64GB – แฟลชไดร์ฟที่ความจุสูงกว่า 8GB เหมาะกับกลุ่มผู้ใช้ที่ชอบเก็บข้อมูลจํานวน มหาศาลไว้ในแฟลชไดร์ฟ อย่าง
พวกหนังระดับ HD, เพลงบิตเรทสูงๆ หรืออื่นๆ ซึ่งราคาจะเเพงตาม ความจุที่สูงขึ้น เท่าที่ผมเห็น 64GB ราคาจะอยู่ 4 พันบาท
ปลายๆ ผมว่าน้อยคนนะ ที่จะซื้อความจุสูง เเบบนั้น


128,256GB
 – ปัจจุบันแฟลชไดร์ฟอันเล็กๆ นี้ มีความจุสูงสุดที่ 256GB ครับ เท่ากับ HDD  มาตรฐานที่ใช้ใน NB ตอนนี้เลยล่ะ
เเต่ราคาขายเนื่ย ซื้ดดดด … ราวๆ 3 หมื่นกว่าบาทเท่านั้นเอง  อิอิ


เลือกเเบรนด์อะไรดี

 อุปกรณ์เล็กๆ ที่ว่านี้มีให้เลือกหลายเเบบ หลายขนาด ตามความชอบของผู้ซื้อ เเต่เราจะเลือกเเบรนด์ไหนดี ล่ะ เเบรนด์ชั้นนํา
ในตลาดตอนนี้มีอยู่ 3 เเบรนด์ครับคือ Kingston, Sandisk เเละ  Apacer ส่วนเเบรนด์อื่นๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีเเต่อย่างใด
(เพียงเเต่ไม่ค่อยได้ยินชื่อสักเท่า ไหร่) อย่าง Kingmax, A-Data, ฯลฯ ทุกเเบรนด์ราคาจะเหลื่อมลํ้ากันอยู่นิดหน่อย  ประมาณ
10-30 บาท เเล้วเเต่รุ่น ความจุ เเละการตั้งราคาของร้านค้า

[ วอยด์ของ Synnex ]

[ วอยด์ของ Ingram Micro ]

เลือกซื้ออย่างไร 

 การเลือกซื้อแฟลชไดร์ฟ ส่วนใหญ่เเล้วไม่น่ากังวลเท่าใดนัก เพราะหลักๆ เเล้วเเค่เสียบติด ถ่ายโอนข้อมูล ได้ก็โอเคเเล้ว เเต่ที่น่าสนใจก็คือ ประกันจากตัวเเทนจําหน่ายต่างๆ เช่น DCom, Synnex,  Ingram, ฯลฯ ส่วนใหญ่จะรับประกัน 5 ปี-Lifetime เมื่อเสียขึ้นมาก็เอาไปเคลมได้ครับ  เเต่ต้องเก็บซองที่มีวอยของตัวเเทนจําหน่ายไว้นะครับ ส่วนที่เคลมนั้น จะเคลมผ่านศูนย์ของตัวเเทนจําหน่าย  หรือดีลเลอร์ ร้านค้าที่เราซื้อมาก็ได้เช่นกัน (ตาม ตจว. อาจจะช้านิดนึง)

[ ด้านซ้าย ของปลอมนะจ๊ะ ]

ระวังของปลอม

 ของขายดีมักจะมีของละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ประจําครับ เช่นเดียวกับแฟลชไดร์ฟ ที่มีการลอกเลียนเเบบกันเเนบ เนียน ชนิดว่าต้องดู
ให้ละเอียดๆ ถึงจะรู้ เเบรนด์ที่โดนกันมากสุดไม่พ้น Kingston เจ้าเก่า โดนปลอม เป็น Kingstom บ้าง เเบรนด์ท่านเปาบ้างงี้ เเต่ก็มี
ผู้ใช้ออกมาให้ข้อมูล เทียบกับของจริงว่าเป็นอย่าง ไร  ผมว่าเวลาซื้อ ควรจะซื้อที่ร้านไอทีใหญ่ๆ หรือไว้ใจได้ ที่บรรจุภัณฑ์จะต้องมี
วอยของตัวเเทนจําหน่าย  (American Best, Synnex, Ingram Micro เเละ Silicon) เเละ ควรจะตรวจสอบราคากลางมาก่อนซื้อด้วยล่ะ

 เวปไซต์ของคิงส์ตันมีให้เช็ค Code ด้วยว่า เป็นของเเท้หรือไม่ ? ลองเข้าไปกรอกข้อมูลได้ ที่นี่  เเละเวปไซต์ต่างๆ ที่ให้ข้อมูลของ
เทียม-เเท้ [ 123 ]

แฟลชไดร์ฟเเบบอื่นๆ

 เดี๋ยวนี้หน่วยความจําพกพาไม่ได้มีเฉพาะเเบบเเท่งๆ อีกต่อไปเเล้ว ผู้ผลิตหลายๆ เจ้าได้พัฒนาแฟลชไดร์ฟธรรมดาๆ ให้เป็นรูปร่าง
ต่างๆ น่ารักๆ อย่างเช่น แฮมเบอร์เกอร์, หัวใจ, นกเพนกวิน ซึ่งจะใช้เป็นพวงกุญเเจ หรือจะซื้อมาตั้งโชว์ก็ถือว่าโอเคเลยล่ะ

 ส่วนอีกเเบบที่เป็นที่นิยมไม่เเพ้ก็คือ MP3 ในตัว บางเเบรนด์ทํา MP3 ออกมาให้ USB อยู่ที่ตัวเครื่องเลย ทําให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน
ถ่ายโอนข้อมูล เเละใช้ฟังเพลง MP3 ได้ด้วย สะดวกทีเดียวครับ เเต่ความจุจะไม่มากนัก ประมาณ 2GB ก็เฉียดๆ 2 พันบาทละครับ


ไม่เอาแฟลชไดร์ฟ เเล้วจะเลือกอะไรดี

 หากคุณต้องการที่จะเก็บข้อมูลต่างๆ เป็นจํานวนมาก เเต่แฟลชไดร์ฟความจุตั้งเเต่ 32GB ขึ้นไปยัง ราคาสูงอยู่ ดังนั้น จึงมีทางเลือก
อื่นๆ ให้เลือกครับคือ Potable HDD. หรือฮาร์ดดิสก์เบบพกพา  ขนาดเเม้จะใหญ่กว่ามากพอสมควร เเต่ก็พกพาได้ เเละใช้การเชื่อมต่อ
ด้วย USB เช่นเดียวกัน ข้อดีคือ  ขนาดความจุสูง เเละราคาไม่เเพงมากนัก อย่าง 160GB ราคาไม่ถึง 2000 บาท เท่านั้นเอง ถูกกว่า
แฟลชไดร์ฟความจุเดียวกันหลายเท่าเลยล่ะครับ

จําเป็นมั้ย ที่ต้องซื้อแฟลชไดร์ฟ

 จะถามว่า อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ นี้จําเป็นสําหรับชีวิตประจําวันหรือไม่ ? ถ้าคุณทํางาน เรียนหนังสือ ใช้งาน คอมพิวเตอร์บ่อยๆ เเน่นอนว่า
ควรจะต้องซื้อเอามาใช้เก็บข้อมูลต่างๆ ที่จําเป็น เเต่ถ้าไม่ค่อยได้เเตะคอม เเล้วล่ะก็ อาจจะไม่ต้องซื้อก็ได้ครับ

 ส่วนขนาดการใช้งาน ความจุที่เหมาะสมในการใช้งานส่วนใหญ่จะอยู่ราวๆ 1-4GB ซึ่งเพียงพอกับการ เก็บข้อมูลทั่วๆ ไปอย่างเช่น เอกสาร
ต่างๆ, รูปภาพ, เพลง, หนัง, ฯลฯ ถ้าเกินกว่านั้นจะค่อนข้าง เหมาะกับกลุ่มที่ใช้งานหนักๆ มากกว่า อย่างเช่น ห้างร้านบริษัทที่ต้องเก็บข้อมูล
ไว้เยอะๆ หรือผู้ใช้ที่ชอบเก็บ สื่อคุณภาพสูงๆ